วันที่ (25 ก.พ.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “Warong Dechgitvigrom” โดยระบุเนื้อหาว่า
“นิติบุคคลเอกชนกับมหาชน ผมได้อ่านแถลงการณ์ของท่านอาจารย์นิติศาสตร์ ต่อการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ เห็นต่างจากศาลรัฐธรรมนูญว่า พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลเอกชน ไม่ใช่มหาชน
แม้ผมไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ผมขอใช้ประสบการณ์จริงเห็นต่างจากท่านอาจารย์ ซึ่งท่านอาจารย์จะอ้างหลักวิชาการ ว่านิติบุคคลมหาชนต้องเข้าหลักเกณฑ์ 3 ข้อ 1. พิจารณาจากกฎหมายที่จัดตั้งนิติบุคคลนั้น ว่าจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายมหาชนซึ่งได้แก่ พระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาหรือไม่ 2. พิจารณาจากอำนาจที่องค์กรนั้นใช้ ว่าองค์กรนั้นใช้อำนาจมหาชนในลักษณะที่มีอำนาจเหนือหรืออำนาจฝ่ายเดียวหรือไม่ และ 3. พิจารณาจากกิจกรรมที่นิติบุคคลนั้นดำเนินการ ว่ากิจกรรมที่ทำเป็นเรื่องการจัดทำบริการสาธารณะหรือไม่
ท่านอาจารย์อาจมองแต่พรรคการเมือง ที่เป็นองค์การเดี่ยว ๆ แต่ไม่มองเชื่อมโยงถึง ส.ส. ที่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ที่ไปใช้อำนาจในนามพรรคการเมือง เช่น เป็นกรรมาธิการเชิญราชการมาตรวจสอบ หรือแม้แต่ ส.ส. ที่สังกัดพรรคที่ไปเป็นรัฐบาลก็ใช้อำนาจที่รับมาจากพรรคการเมืองไปใช้อำนาจ ดำเนินนโยบายบริการสาธารณะ พรรคการเมืองจึงใช้ความเป็นนิติบุคคลมหาชนผ่าน ส.ส. ที่ถูกบังคับสังกัดพรรค
ที่สำคัญ คือ พรรคการเมืองไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรสูงสุดเหมือนเอกชน แต่ต้องทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ พรรคการเมืองยังได้รับงบสนับสนุนจากเงินภาษีของประชาชน พรรคการเมืองใช้อำนาจผ่าน ส.ส. ควบคุมรัฐ แต่เอกชนถูกรัฐควบคุม จึงไม่สามารถมาเทียบกับนิติบุคคลเอกชนได้เลย พรรคการเมืองจึงเป็นต้นธารของทุกสิ่งของประเทศที่จะต้องดูแลสาธารณะ
ผมจึงมองว่าพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลมหาชนที่พิเศษ ตาม พรป. พรรคการเมือง มากกว่านิติบุคคลรัฐทั่วไป จึงกำหนดที่มาของรายได้ 7 ทางเท่านั้น และเจตนาของกฎหมายจึงไม่ต้องการการครอบงำจากนายทุน เพราะปัญหาความขัดแย้งจากสังคมไทยนั้นเริ่มต้นมาจากพรรคการเมืองที่ถูกครอบงำจากทุนสมานย์ และถูกกำหนดทิศทางโดยนายทุน ไม่ตอบสนองประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าไปตีความว่าพรรคการเมืองคือนิติบุคคลเอกชน สามารถทำทุกอย่างแบบเอกชนตามที่อาจารย์ว่า ผมรับรองได้เลยว่าประเทศชาติไปไม่รอดแน่นอน”