วันที่ (14 ก.พ.) นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
“ผมไม่สบายใจ เมื่อเห็นข่าวที่ คุณอัญชะลี กับพวกถูกศาลพิพากษาจำคุก กรณีบุกเอ็นบีที เพราะคนเหล่านี้ไม่มีแรงจูงใจทางอาญา (criminal motive) แต่ที่กระทำไปด้วยแรงจูงใจทางการเมือง (political motive) อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 2548 จนนำไปสู่เหตุการณ์ในปี 2553 ต่อด้วยการยึดอำนาจในปี 2557 จนบัดนี้ความขัดแย้งทางการเมืองยังดำรงอยู่เพียงแต่คู่ขัดแย้งเปลี่ยนใหม่เท่านั้น
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2555 สภาผู้แทนราษฎร ได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง โดยมีสถาบันพระปกเกล้าเป็นหน่วยงานทางวิชาการช่วยกรรมาธิการโดยศึกษาจากหลายประเทศที่เคยเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง แต่เนื่องจากขณะนั้นสังคมไทย ยังไม่มีความพร้อมที่จะปรองดองเพราะมีคนอยู่ฝ่ายเดียวที่ถูกดำเนินคดี วันนี้เกิดกับทั้งสองฝ่ายแล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่สังคมไทย ควรจะหาทางปรองดองยุติความขัดแย้ง เพื่อนำพาประเทศชาติเดินไปข้างหน้า
ผลการศึกษาของ คอป. ที่ถูกตั้งขึ้น โดยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ และสถาบันพระปกเกล้า มีความเห็นตรงกันว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการเมือง การปกครอง กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่มิได้อยู่บนหลักนิติธรรม ตัวอย่างล่าสุดคือ รัฐธรรมนูญ 2560 ที่นำมาซึ่งความขัดแย้งและก่อปัญหาไม่รู้จบ ผมและพรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการยกร่างขึ้นใหม่ทั้งฉบับโดย สสร. (ยกเว้นหมวด 1 และ 2 ที่ให้เป็นไปตามเดิม) เพื่อให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้เป็นผู้กำหนดกติกาการอยู่ร่วมกันในสังคมแทนที่จะให้เผด็จการเป็นผู้กำหนดแบบที่กำลังเป็นอยู่
ความตั้งใจจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ประชาชนจะร่วมกันผลักดันครับ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับที่เผด็จการร่างขึ้นมีผู้คนหลายกลุ่มที่ได้ประโยชน์ จึงย่อมจะคัดค้านกันสุดฤทธิ์ เหมือนที่มิตรสหายท่านหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงไม่กล้าเข้าไปในค่ายทหาร”