พรรคก้าวไกล แนะรัฐโอนงบกลาโหม 63,500 ล้าน จ้างอาสาสาธารณสุขสู้ โควิด19

โควิด19 เพจพรรคก้าวไกล เผยแพร่ บทความโดย Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เรื่อง โอนงบกลาโหม 63,500 ล้าน พร้อมจัดจ้าง “พลเรือนอาสาสาธารณสุข” สู้ภัยโควิด มุ่งรักษาชีวิตประชาชน
.
จาการตรวจสอบมติ ครม. ผ่านเว็บไซต์ http://www.cabinet.soc.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 62 จนถึงปัจจุบัน ได้มีมติ ครม. ได้อนุมัติให้ใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ไปแล้วทั้งสิ้น 94,029 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณที่ได้ตั้งเอาไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ทั้งสิ้น 96,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าปัจจุบัน “งบกลาง” ที่รัฐบาลได้กันเอาไว้นั้น มีไม่เพียงพอแล้ว เพื่อความเร่งด่วนในการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข ทั้งเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ อาทิ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องผลิตออกซิเจน ยาและเวชภัณฑ์ ชุดอุปกรณ์ป้องกัน PPE (Personal Protective Equipment) สำหรับแพทย์ และพยาบาล หน้ากากอนามัย ชุดน้ำยาตรวจ ฯลฯ เพื่อให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ มีศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ สามารถเบิกใช้งานได้ตามจริง โดยไม่ต้องถูกจำกัดการเบิกใช้ ตลอดจนเป็นการป้องกันความเสี่ยงให้แก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่ทุ่มเทปฏิบัติงานด้วย
.
รัฐบาล จึงควรพิจารณาโอนงบประมาณ จากหน่วยรับงบประมาณต่างๆ มาใช้เพื่อเพิ่มความพร้อมในงานสาธารณสุข เป็นการเร่งด่วน หากพิจารณาจากงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีภารกิจในการดูแลความมั่นคงของราชอาณาจักร และความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ต้องยอมรับว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในวงกว้าง และมีจำนวนประชาชนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละวัน นั้นกระทบต่อ “ความมั่นคงของประเทศ” เป็นอย่างมาก จนเป็นที่ยอมรับกันว่า ความมั่นคงของประเทศ ที่มีความสำคัญที่สุด ที่กระทบต่อชีวิต และความปลอดภัยของประชาชนทั้งประเทศ ในตอนนี้ นั้นไม่ใช่ “ความมั่นคงด้านการทหาร” แต่เป็น “ความมั่นคงด้านการสาธารณสุข” เพราะขนาดขบวนการก่อการ้าย ISIS ยังถึงขั้นประกาศหยุดการก่อการ้าย (อ้างอิง: https://www.matichon.co.th/covid…/inter-covid19/news_2067223)
.
ในมิติของงบประมาณด้านความมั่นคง เบื้องต้น นายกรัฐมนตรี ควรเชิญสำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลาง มาร่วมหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อพิจารณาโอนงบประมาณของกองทัพ ที่ยังไม่มีความจำเป็น หรือไม่เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพ เพื่อนำเอางบประมาณดังกล่าว มาใช้ในภารกิจด้านความมั่นคงด้านการสาธารณสุข” แทน โดยพรรคก้าวไกล ขอเสนอแนวทางในการโอน และจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมใหม่ ทั้งสิ้น 3 ข้อ ดังต่อไปนี้
.
***ข้อที่ 1: การงดเว้นการเกณฑ์ทหาร

โอนงบประมาณได้ = 10,000 ล้านบาท
.
เบื้องต้นพบว่างบประมาณในการเกณฑ์ทหารทั้งหมดมีทั้งสิ้น 1.49 หมื่นล้านบาท ต้องยอมรับว่า การตรวจคัดเลือกทหารกองประจำการจำนวน 100,000 นาย ซึ่งเป็นการนำเอาคนมารวมกันอย่างหนาแน่น นั้นมีความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้น จึงควรที่จะงดเว้นการเกณฑ์ทหาร ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นด้วย ในหลักการใหญ่ ที่รัฐบาลจะใช้วิธีการรับสมัครโดยสมัครใจผ่านการสมัครออนไลน์ (https://thestandard.co/adjust-military-conscription-plans) และการให้พลทหารที่ใกล้ปลดประจำการสมัครใจปฏิบัติหน้าที่ต่อ โดยได้รับโอกาสให้เป็นนักเรียนนายสิบ (https://www.matichon.co.th/politics/news_2087402) เนื่องจากสอดคล้องกับนโยบายการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารของพรรคอยู่แล้ว โดยการดำรงสภาพด้านกำลังทหารของกองทัพในกรณีนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องเกณฑ์ทหารถึง 100,000 นาย โดยอาจจะลดจำนวนลงให้เหลือกำลังพลตามความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งจะทำให้โอนงบประมาณให้กับรัฐบาลได้ราวๆ 1 หมื่นล้านบาท
.
ตามที่ได้เรียนเหตุผลในเบื้องต้นไว้แล้วว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในวงกว้างทั่วราชอาณาจักร ดังนั้นความมั่นคงที่มีความสำคัญสูงสุด คือ “ความมั่นคงด้านการสาธารณสุข” ดังนั้น นั้น งบประมาณ 4,900 ล้านบาท ที่จะให้ใช้ในการดำรงกำลังเพื่อความมั่นคงของประเทศ จึงควรถูกจัดสรรออกมาเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่หนึ่ง เป็นการดำรงสภาพด้านกำลังทหาร ซึ่งน่าจะใช้ในการรับสมัครทหารกองประจำการแบบสมัครใจ รวมทั้งการสมัครใจปฏิบัติหน้าที่ต่อของพลทหารที่กำลังจะปลดประจำการ จำนวน 20,000 นาย ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3,200 ล้านบาท สำหรับงบประมาณที่เหลืออีก 1,700 ล้านบาท ให้นำมาจัดจ้าง “พลเรือนอาสาสาธารณสุข” เป็นระยะเวลา 1 ปี จำนวนทั้งิส้น 12,000 อัตรา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคงด้านการสาธารณสุข สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข ดังต่อไปนี้
.
1) ปฏิบัติหน้าที่ สนับสนุนแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลสนามต่างๆ ทั้งการตรวจคัดกรอง และการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย เป็นต้น ซึ่งในประเด็นของโรงพยาบาลสนาม ทางกองทัพก็ควรจะสนับสนุนพื้นที่ในค่ายทหาร ให้แก่รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปรับสภาพให้เป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อใช้สำหรับการรักษาพยาบาลประชาชน
.
2) ปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการติดตามอาการของผู้ป่วยที่รักษา และกักกันตนเองที่บ้าน และหากพบว่าผู้ป่วยรายใดมีอาการทรุดลง ก็จะทำหน้าที่ในการขนย้ายผู้ป่วยรายนั้นมารักษาตัวที่โรงพยาบาลที่ได้จัดเตรียมเอาไว้
.
3) ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ในการสกัดกั้นการเคลื่อนที่ของประชากร และกิจกรรมชุมนุมชน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐบาล เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
.
ซึ่งการจัดจ้าง “พลเรือนอาสาสาธารณสุข” จำนวน 12,000 อัตรา จะช่วยเพิ่มจำนวนบุคลากรสาธารณสุขของภาครัฐที่มีอยู่ ทั้งสิ้น 156,115 คน (แพทย์ 29,449 คน และ(https://www.isranews.org/…/thaireform-docu…/86548-covid.html) (แพทย์ 29,449 พยาบาล 126,666 คน) ได้อีกร้อยละ 7.7 ทันที
.
นอกจากนี้ การจัดจ้าง “พลเรืออาสาสาธารณสุข” จำนวนที่มากถึง 12,000 อัตรา เป็นระยะเวลา 1 ปี ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาการว่างงาน ที่เกิดจากผลกระทบอของการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อีกทางหนึ่งด้วย
.
***ข้อที่ 2: โอนงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และงบลงทุนที่ไม่จำเป็น
โอนงบประมาณได้ = 39,500 ล้านบาท
.
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่า เมืองอู่ฮั่น นั้นเป็นพื้นที่หนึ่งที่ใช้ในการต่อเรือดำน้ำ (https://www.sanook.com/news/8020930) จึงมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่เรือดำน้ำที่รัฐบาลไทยสั่งซื้อจากประเทศจีน จะส่งมอบได้ล่าช้ากว่ากำหนดการ ดังนั้นงบประมาณผูกพันสำหรับจัดซื้อเรือดำน้ำลำอีก 2 ลำ ที่ผูกพันเอาไว้ 2.25 หมื่นล้านบาท ก็น่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนออกไปก่อน และหากพิจารณางบประมาณในการจัดซื้ออาวุธต่างๆ ของกองทัพร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น รถยานเกราะสไตรเกอร์ล็อตที่ 2 ปืนใหญ่ และเครื่องบินรบต่างๆ ซึ่งมีมูลค่ารวมๆ กันแล้วประมาณ 16,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับเรือดำน้ำ ก็จะมีมูลค่าสูงถึง 38,500 ล้านบาท งบประมาณในส่วนนี้ สามารถปรับลด และโอนมาใช้ในภารกิจด้านความมั่นคงด้านการสาธารณสุข เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ได้

.
นอกจากนี้ หากพิจารณางบลงทุนของกระทรวงกลาโหม ที่มีอยู่ถึง 15,433.6 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาเทียบเคียงจากสัดส่วนภาพรวมของงบลงทุนทั้งประเทศที่มีอยู่ 6.6 แสนล้านบาท ซึ่ง ส.ส. ของพรรคก้าวไกล เคยรวบรวมข้อมูล และพบว่ามีงบลงทุน ที่เกี่ยวพันกับการลงทุนเพื่อการพัฒนาเพียง 2.8 แสนล้านบาทเท่านั้น ( http://www.voicetv.co.th/read/bTO9u5mDY) นั่นหมายความว่า งบลงทุนประมาณร้อยละ 57.6 ถูกนำไปใช้ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ยิบย่อยต่างๆ อาทิ โต๊ะ เก้าอี้ รถประจำตำแหน่ง ฯลฯ ดังนั้น หากใช้สัดส่วนเดียวกัน ก็เชื่อว่า งบลงทุนทั้งก้อนของกระทรวงกลาโหม ที่สามารถนำมาพิจารณาโอนงบประมาณได้ คือ 8,890 ล้านบาท ซึ่งหากประเมินว่ามีการเบิกจ่ายไปแล้วร้อยละ 40 นั่นหมายความว่างบลงทุนคงเหลือ ที่สามารถนำมาพิจารณาโอนได้ คือ 5,334 ล้านบาท
.
หากใช้แนวคิดของการจัดงบประมาณฐานศูนย์ (Zero Based Budgeting) ที่พิจารณางบประมาณเป็นรายรายการ โดยรายการใดที่มีความจำเป็น ก็จะไม่มีการปรับลดเลยแม้แต่บาทเดียว ได้แก่ งบประมาณก่อสร้างบ้านพักสวัสดิการสำหรับทหารชั้นผู้น้อย งบประมาณในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทดแทน ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ฯลฯ ก็จะไม่ขอโอนเลยแม้แต่บาทเดียว แต่สำหรับรายการใดที่ไม่มีความจำเป็น โดยยังสามารถใช้ครุภัณฑ์เดิมได้ไปก่อน เช่น รถประจำตำแหน่ง ต่างๆ ก็อาจจะขอโอนออกมาทั้งรายการเต็มจำนวน เบื้องต้นคาดว่า น่าจะอยู่ในวิสัยที่โอนออกได้ร้อยละ 20 ซึ่งก็คือ 1,066.8 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ และอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ขอเลื่อนออกไปก่อน น่าจะโอนงบประมาณส่วนนี้มาได้ เท่ากับ 39,500 ล้านบาท
.
***ข้อที่ 3: โอนงบดำเนินงาน งบรายจ่ายอื่น ที่ไม่เกี่ยวพันกับภารกิจของกองทัพโดยตรง
โอนงบประมาณได้ = 14,000 ล้านบาท
.
งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2563 ของกระทรวงกลาโหม ในส่วนของงบดำเนินงานมีอยู่ทั้งสิ้น 24,777.8 ล้านบาท และงบรายจ่ายอื่น (งบราชการลับ ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ) 95,632.9 ล้านบาท รวมกันแล้วมีมูลค่าเท่ากับ 120,4107 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาว่างบประมาณในส่วนนี้ถูกใช้ไปแล้วร้อยละ 40 ก็น่าเหลืองบประมาณที่สามารถพิจารณาได้ถึง 72,246 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาเป็นรายรายการแบบการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ (Zero Based Budgeting) ตามที่ได้อธิบายหลักการไว้แล้ว เชื่อว่า งบประมาณที่สามารถโอนออกมาได้เลย ได้แก่ งบฝึกอบรมและสัมมนาต่างๆ งบเดินทางไปราชการต่างประเทศ งบในการจัดงาน งบประชาสัมพันธ์ งบรณรงค์โครงการต่างๆ ที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพ หรือมีหน่วยงานอื่นเป็นเจ้าภาพหลักอยู่แล้ว
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งบประมาณในการจัดฝึกอบรมและสัมมนา การเดินทางไปต่างประเทศ การจัดงาน และการรณรงค์ต่างๆ นั้นสามารถโอนงบเหล่านี้ออกมาได้ทั้งหมดเลย เพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่เป็นอยู่นี้ นั้นไม่สามารถที่จะเบิกจ่ายงบประมาณเหล่านี้ได้อยู่แล้ว ซึ่งประเมินเบื้องต้นว่า น่าจะขอโอนออกมาได้ราวร้อยละ 20 ซึ่งเท่ากับ 14,000 ล้านบาท
.
โดยสรุป หากกลับมาพิจารณาในรายละเอียดของงบประมาณของกองทัพอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งหนึ่ง โดยพิจารณาจากงบดำเนินงาน งบลงทุน และงบรายจ่ายอื่นประกอบด้วย และใช้หลักการการจัดงบประมาณฐานศูนย์ (Zero Based Budgeting) พิจารณาเป็นรายรายการ เชื่อว่างบประมาณของกองทัพ ที่สามารถโอนย้ายมาใช้ในภารกิจความมั่นคงด้านการสาธารณสุข เพื่อรองรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในการปกป้อง และดูแลรักษาชีวิตของประชาชน รวมแล้วน่าจะโอนงบประมาณ ได้ถึง 63,500 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า หากมีการหารือกับผู้นำเหล่าทัพ ด้วยเหตุด้วยผล ท่านผู้นำเหล่าทัพทุกท่าน น่าจะยินดีที่จะโอนงบประมาณเหล่านี้ มาใช้ช่วยชีวิตประชาชนอยู่แล้ว โดยสังเกตได้จาก การที่กองทัพพยายามที่จะส่งเจ้าหน้าที่ทหารออกมาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรค ตามท้องถนน และพื้นที่สาธารณะ ในยามวิกาล อยู่ทุกวันต่อเนื่อง เพื่อชดเชยความบกพร่องที่กองทัพได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการประทุของการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ที่สนามมวยลุมพินี ในศึกลุมพินีแชมเปี้ยนเกียรติเพชร ในวันที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ได้มีหนังสือขอความร่วมมือให้เลื่อนจัดการแข่งขัน ไว้ล่วงหน้าแล้ว (https://www.matichon.co.th/sport/thai-sport/news_2085001)
.
ด้วยเหตุนี้ จึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งหารือ และร่วมวางแผนกับผู้นำเหล่าทัพ เพื่อขอโอนงบประมาณราวๆ 63,500 ล้านบาทออกมา (ตัวเลขนี้ เป็นเพียงข้อเสนอแนะคร่าวๆ เท่านั้น ซึ่งงบประมาณที่สามารถโอนได้ ที่แท้จริงจะเป็นเท่าไหร่ รัฐบาลคงต้องหารือกับสำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลางในรายละเอียด อีกครั้งหนึ่ง) เพื่อให้รัฐบาลใช้ในภารกิจความมั่นคงด้านการสาธารณสุข ซึ่งเป็นความมั่นคงที่สำคัญต่อชีวิตของประชาชน มากที่สุดแล้วในขณะนี้ ตลอดจนการขอใช้พื้นที่ของกองทัพ ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และจัดสรรอัตรากำลังส่วนหนึ่ง เพื่อจัดจ้าง “พลเรือนอาสาสาธารณสุข” เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านการดูแลรักษาผู้ป่วย ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าผู้นำเหล่าทัพทั้งหมด น่าจะยินดี และพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อประเทศชาติ และประชาชนทุกคน ผ่านพ้นวิกฤติการณ์นี้ไปได้ร่วมกัน
.

พรรคก้าวไกล #โอนงบกลาโหม #โควิด19

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

แม่ร้องปวีณา คาใจ! หลังสถานทูตบาห์เรน แจ้งลูกสาวตายมา 1 ปี

แม่ คาใจ! สถานทูตเพิ่งแจ้งข่าว ลูกสาวเสียชีวิตที่บาห์เรน มา 1 ปี หลังย้ายไปอยู่กินกับสามี ด้วยสาเหตุหัวใจล้มเหลว เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

เอาแล้ว! ครูไพบูลย์ ลั่น เจอกันที่ศาล หลังถูกกล่าวหาเล่นพนัน

ครูไพบูลย์ แสงเดือน ขอปกป้องตัวเอง! รับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้น หลังถูกชาวเน็ตรายหนึ่ง กล่าวหาเล่นพนัน จนเสียเงินเป็นแสน

รบเดือด! ฝ่ายต้านฯ เปิดฉากโจมตีทหารเมียนมา กระสุนข้ามแดนตกฝั่งไทย

ทหารพม่า – ฝ่ายต้านฯ เปิดฉากโจมตี นำเครื่องบินรบ MiG-29 ทิ้งระเบิดใส่กลุ่มต่อต้าน สาดกระสุนข้ามแดนตกฝั่งไทย ประชาชนส่วนใหญ่ อพยพหนีเข้าไทย

แน็ก ชาลี ตอบแล้ว! สาเหตุไร้ซีนกอด หลังส่ง กามิน บินกลับเกาหลี ?

แน็ก ชาลี ออกมาตอบแล้ว! สาเหตุไร้ซีนกอดร่ำลา หลังส่ง กามิน บินกลับบ้านเกิด ประเทศเกาหลี ?

จับแล้ว! 2 ผู้ต้องหา แทงเพื่อนร่วมชาติ ทิ้งร่างให้รถไฟทับ อำพรางศพ

2 ผู้ต้องหา ปัด! ไม่ใช่มือแทงเพื่อนร่วมชาติดับ ปล่อยให้รถไฟทับร่างขาดเป็น 2 ท่อน อำพรางคดี แต่สารภาพ มีเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจ
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า