พบกับขนมพื้นบ้านของดีแห่ง จ.พังงา กับ “ขนมอาโป้ง” รสชาติหอม กรอบ นุ่ม ละลายลิ้น สร้างรายได้จากรุ่นสู่รุ่นอย่างมั่นคง
ขนมพื้นบ้านใน จ.พังงา ส่วนใหญ่มีพื้นฐานการทำและชื่อที่เรียกกันมาจากภาษาจีน เช่น ขนมเต้าซ้อ ขนมโอ๊ะเอ่ว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม “ขนมอาโป้ง” ก็เป็นขนมพื้นบ้านชนิดหนึ่งที่มีการสืบทอดวิธีการทำมายาวนาน จนปัจจุบันเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทุกวัยทุกเพศทุกศาสนาในพื้นที่ แต่วิธีการทำที่ละเอียดอ่อนกว่าจะได้ขนมอาโป้งที่รสชาติหอม กรอบ นุ่ม ละลายลิ้น ต้องผ่านกรรมวิธีซึ่งเป็นความลับเฉพาะของผู้ถูกถ่ายทอดสู่รุ่นต่อรุ่นเท่านั้น
นางรัตนพร พืชฟู อายุ 58 ปี เจ้าของร้านอาโป้งกระโสมเจ้าเก่า เป็นทายาทอีกรุ่นหนึ่งที่สืบทอดการทำขนมอาโป้งมาจากบรรพบุรุษเชื้อสายจีน และประกอบเป็นอาชีพจนสามารถเปิดสาขาปัจจุบันนี้ถึง 6 สาขา ในพื้นที่ อ.เมืองพังงา, อ.ทับปุด, อ.ท้ายเหมือง, อ.กะปง, อ.ตะกั่วทุ่ง และ อ.คุระบุรี ซึ่งจะเปิดเผยสูตรลับการทำขนมอาโป้งจนได้รับความนิยมจากผู้บริโภค
ส่วนขั้นตอนการทำ เริ่มจากการผสมแป้งกับน้ำปูนใสหมักประมาณ 10 ชั่วโมง จากนั้นนำแป้งที่หมักทิ้งไว้ มาผสมกับไข่ น้ำตาล เกลือ กะทิ ในอัตราส่วนที่เหมาะสมตามความชอบของคนในพื้นที่ เมื่อผสมแป้งจนมีรสชาติกลมกล่อมแล้ว เตรียมเตาซึ่งควรใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิงเพราะ ขนมอาโป้ง ที่ได้จะมีกลิ่นหอมกว่าเตาแก๊ส จากนั้นเตรียมกระทะขึ้นเตาโดยใช้ไข่แดงสุกเช็ดกระทะไม่ให้แป้งอาโป้งติดกระทะ ต่อมาโรยแป้งที่ผสมไว้ร่อนให้ทั่วกะทะ รอให้แป้งสุกจึงแกะออกมาและม้วนรอขายได้ทันที อย่างไรก็ตาม ขนมอาโป้งที่อร่อยนั้นควรที่จะรับประทานหน้าเตาหรือรับประทานทันทีที่ซื้อ เนื่องจากจะมีความกรอบและนุ่มอยู่จากการสุกของแป้ง
นางรัตนพร กล่าวว่า แป้ง 5 กิโลกรัม สามารถจำหน่ายได้กำไรวันละ 2,000 – 3,000 บาทต่อวัน ใช้เวลาจำหน่ายประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพราะผู้บริโภคในพื้นที่จะรู้ดีว่ารสชาติความอร่อยนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยม เห็นได้จากขณะเตรียมเตามีคนมารอคิวซื้ออย่างไม่ขาดสาย