กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ยื่นบัญชีเอกสารปลอมประมูลรถทหารจำนวน 1,136 คัน ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบเป็นคดีพิเศษ
จากกรณีที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ตรวจสอบพบพิรุธเรื่องการยื่นเอกสารการประมูลรถขายทอดตลาด และได้ประสานกรมการขนส่งทางบกขอตรวจสอบรายละเอียด พบว่ามีขบวนการยื่นเอกสารส่งบัญชีรถแจ้งการประมูลขายทอดตลาดลงนามโดยพันเอกรายหนึ่ง เป็นรถ 1,136 คัน เป็นการยื่นเอกสารเท็จ เนื่องจากห้วงระยะเวลาดังกล่าว ขส.ทบ. ไม่มีการประมูลรถขายทอดตลาดแต่อย่างใด แต่เป็นการจัดทำเอกสารปลอมขึ้น ส่งผลให้มีรถที่จดทะเบียนจากการยื่นเอกสารบัญชีเท็จไปจำนวน 605 คัน โดยกระจายการจดทะเบียนไปจังหวัดต่างๆ แบ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จำนวน 289 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน จำนวน 22 คัน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล จำนวน 265 คัน รถบรรทุกส่วนบุคคลขนาดใหญ่ จำนวน 19 คัน รถโดยสารประจำทาง จำนวน 2 คัน รถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 7 คัน รถโดยสารส่วนบุคคล จำนวน 1 คัน และในจำนวนนี้มีรถบางส่วนได้ย้ายทะเบียนรถไปจังหวัดต่าง ๆ อีก 18 จังหวัด
วันนี้ (5 ก.ค.60) พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมหารขนส่งทางบก ได้ส่งหนังสือเอกสารหลักฐานข้อมูลรายละเอียดยานพาหนะชำรุดขายทอดตลาดปลอม ของกองคลังกรมการขนส่งทหารบก แบ่งเป็น 2 บัญชีหลัก คือ บัญชีรายละเอียดยานพาหนะชำรุดขายทอดตลาด (ยังไม่ได้จดทะเบียน)รวม 531 คัน และ บัญชีรถที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียน และการดำเนินการทางทะเบียน รวม 605 คัน มาให้ทางดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งกระบวนการนี้เกิดขึ้นในลักษณะ 2 ขั้นตอน คือ ปกติทางทหารจะมีการขายทอดตลาดรถที่ไม่ไช้แล้วปีละ 1 ครั้ง โดยกรณีนี้มีการจัดทำเอกสารรถ 1,136 คันปลอมขึ้นมาทั้งหมด โดยที่ไม่มีรถอยู่จริง และแจ้งบัญชีไปยังกรมหารขนส่งทางบก และอีกส่วนมีการจัดทำเอกสารว่ามีประชาชนมาประมูลรถได้ 605 คันโดย ไปขอตัดบัญชีจากบัญชีแรกที่ส่งไป จากนั้นก็จะนำเอกสารไปออกทะเบียนกับกรมหารขนส่งทางบกในจังหวัดต่างๆซึ่งพบว่ามีประมาณ 20 จังหวัด โดยหลังจากนี้การทำงานของ ดีเอสไอ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การปลอมแปลงเอกสาร ที่เป็นความผิดทางอาญา จะต้องนำส่งให้คณะกรรมการพิจารณาว่าจะสามารถรับเข้าเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่
ส่วนที่ 2 คือ รถ 605 คันที่จดทะเบียนไป อาจจะเป็นรถที่นำเข้ามาโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ โดยจะนำมาเทียบเคียงว่าจะเข้าลักษณะเดียวกับกรณีรถหรูที่นำเข้ามาโดยไม่ผ่านขั้นตอนศุลกากรหรือไม่ โดยรถทั้งหมดเป็นบัญชีรถที่เกิดขึ้นในปี 2559 ทยอยส่งเรื่องทั้งหมดให้กรมการขนส่งทางบกรวม 9 ครั้ง
ทั้งนี้ จะมีการเกี่ยวข้องกับรถที่ขโมยมา หรือจดประกอบเพื่อหนีภาษีหรือไม่ต้องเวลาให้คณะกรรมการประชุม และลงพื้นที่ติดตาม สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องตามรายชื่อในเอกสารทั้งหมดก่อนจึงจะสามารถบอกได้ว่ารถทั้งหมดมีที่มาอย่างไร เกี่ยวข้องกับกลุ่มไหน หรือมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ขอเวลาดำเนินการโดยจะเร่งให้เร็วที่สุด