ขึ้นแบล็คลิสต์! 35 ต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย เตรียมผลักดันกลับประเทศ หลังตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น 62 เป้าหมาย ทั่วประเทศ ตามยุทธการ X-RAY OUTLAW FOREIGNER ครั้งที่18
ผู้ต้องหาต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จำนวน 35 คน ที่ถูกตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานจับกุม หลังจากร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จำนวน 62 เป้าหมายทั่วประเทศ ตามยุทธการ X-RAY OUTLAW FOREIGNER ครั้งที่18
โดยพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า การปฏิบัติการเป็นการปิดล้อมตรวจค้นตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ยุทธการดังกล่าวเป็นการร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ในการกวดขันจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ โดยแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเพื่อเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคงส่งผลต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย เช่น กลุ่มเครือข่ายปลอมบัตรเครดิต ,กลุ่มเครือข่ายหลอกลวงแต่งงาน ,กลุ่มชาวต่างชาติที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มกระทำความผิดอาชญากรรมต่างๆ และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาวิธีการกระทำความผิดซับซ้อน และหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐ
ซึ่งผลการกวาดล้างสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดทั่วประเทศ จำนวน 35 ราย แบ่งเป็นความผิดข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต จำนวน 9 ราย ส่วนความผิดข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีจำนวน 25 ราย และความผิดข้อหาอื่นๆ จำนวน 1 ราย จากสถิติการตรวจสอบทั้ง 32 ครั้ง ตรวจค้นเป้าหมาย 4,009 เป้าหมาย จับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งสิ้น 1,757 ราย อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง 35 คน จะถูกผลักดันกลับประเทศ พร้อมทั้งขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ถาวรทั้งหมด
นอกจากนี้ พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ยังระบุว่า จากสถิติการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา จะพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาก่อเหตุดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางตำรวจจะมุ่งเน้นการตรวจสอบบุคคลที่ถือพาสปอร์ตหลายวีซ่า เนื่องจากผู้กระทำผิดเกรงว่าหากถูกจับกุมจะถูกส่งกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศของตนเอง ซึ่งทำให้กระทบกับการท่องเที่ยว และในที่ผ่านมาได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมจากอุบัติเหตุเรือฟีนิกซ์อับปางกลางทะเล บริเวณหน้าเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลทราบว่าเจ้าของเรือดังกล่าวเป็นหญิงสาวชาวไทยโดยมีสามีเป็นชาวจีน โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า เจ้าของเรือดังกล่าว เป็นนอมินีหรือไม่ และในส่วนของการดำเนินคดีกับเจ้าของเรือ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมแล้ว
ในส่วนการแก้ไขปัญหาภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวภูเก็ต หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันบูรณาการกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กลับคืนมาดังเดิม อย่างไรก็ตาม พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ยังได้ฝากประชาชนคนไทย รวมถึงผู้ประกอบการให้บุคคลต่างด้าวพักอาศัย จะต้องแจ้งการเข้าพักอาศัย กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าไม่แจ้งถือว่ามีความผิดทางอาญาด้วย