ความคืบหน้าการรื้อร้านในวันที่ 2 ของหน่วยงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และทหาร รวมทั้งกรมศิลปากร เบื้องต้นการรื้อเต็นท์และร้านค้าในบริเวณหลังพระวิหารมงคลบพิตรซึ่งเป็นร้านค้าที่บุกรุกพื้นที่โบราณสถานที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งในเขตพื้นที่กว่า 300 นายได้ลงพื้นที่มากกว่าเมื่อวานกว่าครึ่งหนึ่ง เพื่อเร่งรื้อหลังคาและร้านค้าที่บุกรุกพื้นที่โบราณสถานในขณะนี้ และมีร้านกว่าครึ่งของร้านค้าที่บุกรุกพื้นที่โบราณ สถานที่ทางหน่วยงานจังหวัดหรือศูนย์ดำรงธรรมได้แจ้งไว้แล้ว ตอนนี้ได้มีร้านค้าหลายคนตกลงย้ายกว่า 200 ร้านแล้วหลังจากที่มีร้านค้าอยู่ประมาณ 300 ร้านค้า
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานทหารได้กำลังยกของและหรือสิ่งกีดขวางที่วางอยู่ในบริเวณร้านค้าออกเพื่อทำการปรับปรุงหลังจากยูเนสโกขอทวงคืนพื้นที่เพื่อให้ความสะอาดเรียบร้อยเนื่องจากไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยทำให้ยูเนสโกออกมาจากเตือน เพื่อให้มีการปรับปรุงในพื้นที่มรดกโลก ก่อนที่จะมีการยกเลิกการเป็นมรดกโลกของยูเนสโก เบื้องต้น แม่ค้าในสถานที่หลังพระวิหารมงคลบพิตรหลายรายนำรถมาขนของย้ายไปยังร้านแห่งใหม่หลังศาลากลางเก่าซึ่งกำลังนำของไปโรงเพื่อขายในพื้นที่ใหม่แล้วมีจำนวนมากขึ้น
ขณะที่ นายปรีชา ขันธชัยศรี รองนายกเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ลงมาตรวจสอบการโยกย้ายร้านค้าหลังพระวิหารมงคลบพิตรในวันนี้และบอกว่า ขณะนี้มีร้านค้าหลายรายให้ความร่วมมือแล้วหลังจากที่พบร้านค้าที่ไม่ให้ความร่วมมือและยังไม่โยกย้ายไปจากเมื่อวาน 80 คนและขณะนี้เหลือเพียงไม่ถึง 20 รายเท่านั้นแต่ยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ต้องค่อยเจรจากับร้านค้าที่ยังเหลืออยู่ซึ่งขณะนี้ร้านค้าดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ไม่ยอมให้ทางเจ้าหน้าที่หรือร้านแต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง อย่างไรก็ตาม ต้องรอการพูดคุยเจรจาอย่างสุภาพก่อนที่จะขอรื้อร้านค้าดังกล่าวที่บุกรุกในครั้งนี้ และขอวอนให้ร้านค้าทุกคนที่เหลืออยู่ช่วยกันดูแลมรดกโลกและหรือไปอยู่ที่ใหม่เนื่องจากจะหาที่ใหม่ให้และค้าขายได้ดีกว่าเดิม เนื่องจากทางพื้นที่นี้จะขอคืนพื้นที่และทำให้สวยงามเกี่ยวกับพื้นที่มรดกโลกให้ดีขึ้นในการท่องเที่ยว ล่าสุด ร้านค้าใหม่ในหลังศาลากลางเก่านั้น ขณะนี้มีร้านค้าเข้าไปแล้วกว่า 200 ร้านค้า และยังเหลืออีกร้านค้าบางส่วนที่ยังไม่มาติดต่อรายชื่อ ส่วนที่เหลือเพื่อนำมาขายของต่อไป
ทางด้าน นายธนกฤต เข็มหน้า อายุ 48 ปี เจ้าของร้านค้าที่ยังไม่ออกจากพื้นที่ บอกว่า เนื่องจากพื้นที่นี้ตนอยู่มาตั้งแต่รุ่นพ่อกว่า 40 ปีและเคยอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน อยากจะขอหน่วยงานทำร้านค้ารูปแบบทรงไทยต่อจากเดิมที่อยู่นี้ และตนจะขอยืนหยัดสู้ไม่ยอมย้ายเนื่องจากเกิดมาในพื้นที่นี้แล้วสามารถยังอยากจะอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวไป หากย้ายไปพื้นที่อื่นกลัวจะไม่มีคนซื้อของและขายของไม่ดี จะขออยู่ที่นี่จนกว่าทางเจ้าหน้าที่จะยินยอม