หลังจากเกิดเหตุอุกอาจ เมื่อกลุ่มวัยรุ่นยกพวกรุมทำร้ายคู่อริในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ล่าสุด ศาลได้ออกหมายจับกลุ่มวันรุ่นดังกล่าวแล้ว 11 คน ขณะที่ตำรวจตามรวบได้แล้ว 7 ราย เร่งล่าอีก 4 รายที่ยังหลบหนี ก่อนคุมตัวผู้ต้องหาที่จับได้ไปทำแผน
ตำรวจภูธรกระทุ่มแบน คุมตัว 7 วัยรุ่นที่ร่วมกันก่อเหตุอุกอาจรุมทำร้ายคู่อริในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลกระทุ่มแบน และยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่คู่อริที่บริเวณถนนด้านหน้าโรงพยาบาลกระทุ่มแบน ซึ่งเกิดเหตุขึ้นเมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ที่จะนำผู้ต้องหามาทำแผน โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในเวลากลางคืน / ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้อันตรายแก่กายหรือจิตใจ และร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดนั้นได้ให้การรับสารภาพ ว่าร่วมกันก่อเหตุภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลกระทุ่มแบนจริง
นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่เข้ามอบตัว คือ นายอนุรักษ์ หรือ อาร์ม พุฒศิริ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นบริโอ้ สีขาว และเป็นผู้ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าที่บริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลกระทุ่มแบนแล้วหลบหนีไป โดยเคยถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ , ร่วมกันชิงทรัพย์ถึงแก่ความตาย และร่วมกันปล้นทรัพย์ อยู่ระหว่างการประกันตัว พื้นที่ สน.วังทองหลาง กับ นายธิติพงศ์ สุขสวัสดิ์ อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย เป็นผู้นั่งโดยสารฝั่งด้านหน้าข้างคนขับ และใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันกับนายอนุรักษ์ฯ ยิงขึ้นฟ้าที่บริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลกระทุ่มแบนแล้วหลบหนีไป
โดยนายธิติพงษ์ เคยถูกจับกุมคดียาเสพติด สภ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งทั้ง 2 คน ได้เดินทางมาที่ สภ.กระทุ่มแบน พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอมอบตัวพร้อมกับนำปืนขนาด 9 มม.พร้อมแม็กกาซีน ที่ใช้ก่อเหตุมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมให้การรับสารภาพว่า ในวันดังกล่าว ทั้งคู่ได้นั่งอยู่ในรถเก๋งร่วมกันก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลกระทุ่มแบนจริง โดยใช้ปืนกระบอกดังกล่าวผลัดกันยิงจนหมด แมกกาซีน โดยนายอนุรักษ์ยิงไป 4 นัด ส่วนนายธิติพงศ์ ยิงไป 11 นัด เบื้องต้นทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันกระทำความผิด โดยมีร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต / ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร / และร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน
ด้านพลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า และร่วมสังเกตการณ์ในที่เกิดเหตุขณะที่นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผน และจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทั้งหมด ให้การอ้างว่ามีปัญหากับ นายสุรเชษฐ์ อนันต์ชัยศิลป์ ผู้บาดเจ็บ อยู่ก่อนแล้ว แต่ตกลงกันไม่จบ จึงตามมาทำร้ายต่อที่โรงพยาบาล
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับคนร้ายได้ 6 คน ในข้อหา “ร่วมกันบุกรุก ร่วมทำร้ายผู้อื่น พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ ยิงปืนในทางสาธารณะ และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเพื่อกระทำการก่อเหตุ” ขณะนี้สามารถควบคุมตัวได้แล้ว 5 คน กำลังติดตามตัว 1 คน และมามอบตัว 2 คน ซึ่ง 2 คนที่มามอบตัว ยังไม่มีหมายจับ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับอีก 5 คน จากการตรวจสอบพบผู้ก่อเหตุเกือบทั้งหมดไม่ใช่เยาวชน มีเยาวชนเพียง 1 คนเท่านั้น จากการสอบประวัติเบื้องต้น กลุ่มผู้ก่อเหตุมีคดีติดตัวเกือบทั้งหมด อาทิ คดียาเสพติด คดีลักทรัพย์ ฯลฯ ขณะเดียวกันการก่อเหตุดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ จึงต้องตรวจสอบต่อไปว่าเชื่อมโยงกับกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่