เจ้าหน้าที่ตรวจยึดรถยนต์พร้อมรถจักรยานยนต์หรูมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท จากขบวนการค้าไม้พะยุงข้ามชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ลำปาง วันที่ 29 มิย. 60 เวลาประมาณ 13.00 น. กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง. และเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ร่วมกันติดตามรับมอบทรัพย์สิน จากนายเจษฎา ปัญญาแก้ว และนางอินทุอร ปัญญาแก้ว ตามมติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุมครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ให้ยึดทรัพย์สินจำนวน 9 รายการ พร้อมดอกเบี้ยไว้ชั่วคราว มีกำหนด 90 วันนับตั้งแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับมอบทรัพย์สิน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและการปราบปรามการฟอกเงิน พ. ศ. 2542
โดยการตรวจยึดแบ่งเป็นรถยนต์หรูจำนวน 6 คัน และรถจักรยานยนต์หรูจำนวน 3 คัน รวมทรัพย์สิน ซึ่งมีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยการตรวจยึดครั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังจับกุมขบวนการมอดไม้ ในพื้นที่ จ.พะเยาและพื้นที่ทางภาคตะวันออกจำนวนหลายราย ซึ่งพบว่า มีการโอนเงิน จากนายเจษฎา ให้กับขบวนการมอดไม้ เจ้าหน้าที่จึงขยายผลสืบสวนติดตาม และทำการยึดทรัพย์นายเจษฎา และจากนี้เจ้าหน้าที่ให้เวลา 90 วัน ให้นายเจษฎา หลักฐานแสดงที่มาของทรัพย์สินแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ปปง. ซึ่งหากไม่นำมาแสดงเจ้าหน้าที่จะนำทรัพย์สินที่ตรวจยึด ตกเป็นของแผ่นดินก่อนนำออกขายทอดตลาด และดำเนินคดีตามกฎหมายกับ นายเจษฎาและนางอินทุอร ต่อไป
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ รอง ผบช.ภ5 ซึ่งเดินทางมาตรวจรถของกลาง กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร การยึดทรัพย์ รายนี้ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาท เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ขยายผล ขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติ ว่าตัว นายเจษฎา เองเป็นนายทุนมีเงินหมุนเวียนเกี่ยวข้อง กับขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติ ซึ่งจากนี้หากเจ้าหน้าที่พบ ทรัพย์สินซึ่งไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ก็จะทำการยึดทรัพย์อีก พร้อมทั้งฝากเตือน ขบวนการตัดไม้ทำลายป่า และค้าไม้ข้ามชาติ ว่าเจ้าหน้าที่ทางภาครัฐจะดำเนินการอย่างเฉียบขาด กับผู้กระทำผิดทุกราย โดยเฉพาะการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยครั้งนี้ ตัวนายเจษฎา เองสามารถนำบัญชีที่มาของรถไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ปปง. ภายใน 90 วัน ซึ่งหากไม่นำบัญชีไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกยึด และขายทอดตลาด และตัวนายเจษฎา เองก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย