ป.ป.ท. ซ้อนแผนจับกุมตำรวจจราจรกลาง เรียกรับเงินผู้เสียหาย 1 หมื่นบาทแลกกับการไม่ดำเนินคดีพระราชบัญญัติจราจร เร่งขยายผลหลังพบยังมีตำรวจอีก 1 คน มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมฝากขังศาลอาญาผลัดแรก และสอบวินัยร้ายแรง
เจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. นำตัวสิบตำรวจตรีเฉลิมชัย ยอดแก้ว ผู้บังคับหมู่งานจราจร สน.วิภาวดี พร้อมของกลางเงินสด 10,000 บาท มาส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสารดำเนินคดี หลัง ป.ป.ท.วางแผนร่วมกับ ปปป. ให้ผู้เสียหายนัดหมายส่งมอบเงิน บริเวณแนกสุทธิสาร ก่อนแสดงตัวจับกุม
ด้านนายเกรียงไกร สืบสัมพันธ์ ผู้อำนวยการ ป.ป.ท. เผยว่า มีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งได้เล่าเหตุการณ์ว่า ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณแยกลาดพร้าว มีตำรวจจราจรแต่งกายครึ่งท่อน ขอตรวจค้น และพบว่าไม่สวมหมวกกันน็อค ขาดการต่อภาษีประจำปี และไม่มี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ก่อนจะเจรจาเรียกเงิน 20,000 บาท เพื่อแลกกับการที่ไม่ถูกดำเนินคดี แต่ผู้เสียหาย บอกว่า ไม่มีเงิน ตำรวจจึงได้ยึดรถไว้ ผู้เสียหายจึงร้องเรียนกับ ปปท. ก่อนจะวางแผนเจ้าจับกุมในวันนี้
จากการสอบปากคำสิบตำรวจตรีเฉลิมชัย ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ปปท. มีหลักฐานแน่นหนาทั้งคลิปเสียงในการต่อรองราคาจนเหลือเพียง 10,000 บาท และยังพบว่ามีตำรวจอย่างน้อยอีก 1 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะเร่งขยายผล โดยจะให้พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสารตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนจะส่งเรื่องให้ ปปท.ภายใน 30 วัน
ขณะที่ พลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และสั่งให้ สิบตำรวจตรีเฉลิมชัย ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนผู้บังคับบัญชาในสายงานตั้งแต่ระดับรองสารวัตรถึง ผู้กำกับการ ก็ต้องถูกพิจารณาข้อบกพร่องตามระเบียบ 1212/2537 ว่ามีการปล่อยปละละเลยไม่สอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาจนไปกระทำความผิดหรือไม่
ล่าสุด ทางพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ได้คุมตัวสิบตำรวจตรี เฉลิมชัย ผบ.หมู่งานจราจร สน.วิภาวดี ไปขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนน นครไชยศรี ถนนนครไชยศรี ดุสิต กรุงเทพฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นโทษความผิดทางวินัยร้ายแรง ตามประมวลกฎหมาย มาตร 157 เกรงว่าจะหลบหนี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง
ด้านพล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ได้ตั้งคณะกรรมสอบสวนวินัยร้ายแรงเพื่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน หากมีใครเกี่ยวข้องหรือพบว่ามีเจ้าหน้า ตำรวจรายใด ร่วมทำพฤติกรรมดังกล่าวอีกจะดำเนินการตรวจสอบแล้ว ให้พิจารณาโทษทางวินัยสูงสุดคือให้ออกอย่างเดียว