กรณีลูกจ้างชาวกัมพูชาของบริษัทนำเที่ยว ทำอนาจารนักท่องเที่ยวลูกครึ่งไทย-อเมริกา จับหน้าอก ขณะที่ดำน้ำดูปะการัง ซึ่งผู้ปกครองเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองพัทยา เมื่อวานนี้ ล่าสุด ตำรวจจับกุมลูกจ้างชาวกัมพูชาได้แล้ว แต่ยังให้การปฏิเสธ
นักท่องเที่ยวลูกคลึ่งไทย-อเมริกา วัย 13 ปี ผู้เสียหายได้เดินทางพร้อมด้วย มารดาเดินทางให้ปากคำในเบื้องต้นกับ พ.ต.ท.เอกชัย มูลลี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อลงบันทึกประจำวัน ก่อนนัดผู้เสียหายพร้อมมารดาไปให้ปากคำอีกครั้งต่อหน้าสหวิชาชีพที่อัยการจังหวัดพัทยา เนื่องจากผู้เสียหายเป็นเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี เบื้องต้นผู้เสียหายยังยืนยันว่า นายวัน สงวน อายุ 27 ปี ชาวกัมพูชา ทำอนาจารจับหน้าอก ผู้เสียหายใต้ทะเลในขณะดำน้ำดูปะการังและให้อาหารปลา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแรงงานกัมพูชาทั้ง 5คนอย่างเคร่งเครียด พบว่ามีเพียง 1 คนที่ทำอนาจารลูกครึ่งไทย-อเมริกาจริง คือนายวัน สงวน ตามที่ผู้เสียหายให้การ แต่ยังให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ตำรวจได้แจ้งข้อหากับนายวัน สงวน ในข้อหาผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินปีหรือปรับไม่เกิน20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับก่อนส่งศาลจังหวัดพัทยาเพื่อทำการฝากขัง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่ากรณีดังกล่าวครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้าที่ประมาณต้นเดือนนักท่องเที่ยวจีนก็ถูกทำลักษณะนี้เช่นกัน และมีการก่อเหตุลักษณะนี้มาหลายครั้ง แต่ผู้ประกอบการหรือไกด์พยายามไกล่เกลี่ยให้ผู้เสียหายรับเงินแล้วก็จบเรื่องไป จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ เนื่องจากเป็นการเสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยา รวมทั้งให้ตรวจสอบว่าแรงงานชาวกัมพูชา ที่ลงไปคอยดูแลความปลอดภัยในทะเลนั้นมีความสามารถมากน้อยอย่างไร และผ่านการฝึกอบรมมาหรือไม่ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับนักท่องเที่ยวระหว่างอยู่ใต้น้ำแรงงานชาวกัมพูชาเหล่านั้นไม่สามารถช่วยนักท่องเที่ยวได้เลยซึ่งแรงงานต่างด้าวเหล่านั้นไม่สามารถสวมชุดดำน้ำและลงไปดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวได้เลย