บรรยากาศภายในครอบครัวของ “จา พนม ยีรัมย์” กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง ยอมกลับบ้านเกิดกราบขอขมาแม่และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแล้วหลังไม่เข้าบ้านมานาน ซึ่งพบปะทำความเข้าใจกับภรรยาพร้อมแม่ยาย แม่บังเกิดเกล้า ยุติปัญหาความมาดหมางโดยทั้งประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้ทั้ง 2 ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
“จา พนม ยีรัมย์” นักแสดงภาพยนตร์ชื่อดัง เดินทางมาที่บ้านของ นางริน ยีรัมย์ แม่บังเกิดเกล้าที่บ้านโคกสูง ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อร่วมงานทำบุญบายศรีสู่ขวัญผูกแขนรับขวัญด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ท่ามกลางความยินดีของ นางวรรณา สุรวิทยานนท์ หรือ “แม่แตน” แม่ยาย พร้อมด้วย นางปิยรัตน์ ยีรัมย์ (บุ้งกี๋) ภรรยาและลูกสาววัยน่ารักทั้ง 2 คนอย่าง น้องจอมขวัญ อายุ 5 ขวบ และน้องเรือนแก้ว อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ซึ่งในงานนี้บรรดาญาติ ๆ และเพื่อน ๆ เข้าร่วมพิธีนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้าวันนี้ นายไชยพงษ์ แสนดี ซึ่งเป็นหมอช้างและเป็นเพื่อนของพ่อของ “จา พนม” เป็นประธานประกอบพิธีเซ่นไหว้ครูประกำ เซ่นไหว้ประกำ เซ่นไหว้ ศาลพระภูมิเจ้าที่ โดย “จา พนม” นำพวงมาลัยดอกไม้กราบขอขมา แม่ริน ยีรัมย์ และได้ประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ คุณพ่อทองดี ยีรัมย์ ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมีพระ ดร.สมุห์ หาญ ปัญญาธโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าอาเจียง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีอุทิศส่วนกุศล จากนั้นหมอพราหมณ์ประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ เรียกขวัญให้แก่ทั้ง 3 ครอบครัว ไล่สิ่งชั่วร้าย ออกไปขอให้พบแต่สิ่งดีงาม มีความรักสามัคคีในหมู่เครือญาติและครอบครัว หลังจากนั้นหมอพราหมณ์นำด้ายสีเหลืองผูกแขนเรียกขวัญให้แก่ “จา พนม” พร้อมด้วยภรรยาและลูกสาว 2 คน รวทั้งแม่ยาย และ คุณแม่ริน ยีรัมย์ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นเรียกรอยยิ้มให้กับบรรดาครอบครัวของ “จา พนม” ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป หลังเสร็จพิธี “จา พนม” ยังได้นำเหรียญบูชาครูรูปช้างสามเศียรมาแจกให้กับญาติ ๆ ได้นำไปไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย ซึ่งทาง “จา พนม” ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด เพราะเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ขอให้ต่อจากนี้ไปมีแต่ความรักความอบอุ่นของคนในครอบครัว และให้ นายไชยพงษ์ แสนดี ญาติฝ่ายพ่อเป็นคนกลางในการเจรจายุติปัญหา เป็นผู้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวต่อไป
นายไชยพงษ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ประกอบพิธีและวัฒนธรรมของชาวช้าง เพราะ “จา พนม” ก็เป็นต้นตระกูลช้างซึ่งตัวเขาไปทำงานไกลบ้าน และต่างประเทศเป็นเวลานาน จึงไม่มีโอกาสมากราบคุณพ่อ-คุณแม่ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของวิบากกรรม และครั้งนี้ตนเองประสานให้ “จา พนม” มากราบขอขมากับคุณแม่ โดยเริ่มเจรจากับ จา พนม เมื่อปีก่อนระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ที่ปางช้าง อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และได้พบปะกันพูดคุยกัน พอดีตนเองกับพ่อของ “จา พนม” (ทองดี ยีรัมย์) เป็นเพื่อนกัน และบอกจะทำพิธีให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ จา พาไปไหว้พระประกำ และลงแผ่นทองที่มือเขาสองข้าง และได้หารือกับครอบครัวแม่ยาย ว่าควรจะหาวันไปกราบ คุณแม่ริน จึงได้มาถึงวันนี้โดย “จา พนม” ได้กราบขอขมาแม่ริน และได้ประกอบพิธีเซ่นไหว้ศาลประกอบ และทำบุญร่วมกันทั้ง 3 ครอบครัว จะได้มีความสุขด้วยกันตลอดไป
ทั้งนี้ “จา พนม” ไม่ได้เข้าบ้านมานานถึง 5 ปี หลังจากครอบครัวของ จา พนม มีปัญหาความไม่เข้าใจกันทั้งครอบครัวของแม่ยาย ฝ่ายภรรยา และครอบครัวพ่อ-แม่ ตลอดทั้งญาติพี่น้องของ จา พนม ซึ่งฝ่ายหลัง ได้ระบุว่า ครอบครัวของแม่ยาย กีดกันไม่ให้พ่อ-แม่ของ จา ได้พบลูกชาย และมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน อีกทั้งยังมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จนต้องทำให้ทั้ง 3 ครอบครัวห่างเหินกับครอบครัวของพ่อ-แม่ “จา พนม” กระทั่งผู้เป็นพ่อ (นายทองดี ยีรัมย์) ล้มป่วย และเสียชีวิตเมื่อเดือน มิ.ย.57 แม้กระทั่งงานศพพ่อทองดี จา พนม ได้แค่เพียงเข้ามาสวดอภิธรรมศพพ่อเพียงไม่กี่นาทีก็รีบเดินทางกลับ และในวันฌาปนกิจพ่อทองดี จา พนม ไม่ได้มาร่วมพิธีฌาปณกิจศพแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลา 5 ปีจนถึงปัจจุบัน มีคนกลางช่วยเจรจาพูดคุยกับแม่ยายและครอบครัวของ จา พนม พร้อมด้วยภรรยาได้พบปะพูดคุยยุติปัญหาความบาดหมางที่เกิดขึ้นในครอบครัว ให้จบสิ้นไป ซึ่งผู้ที่เป็นคนกลางมีทั้ง นายไชยพงษ์ แสนดี เจ้าของปางช้าง อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และพระ ดร.สมุห์ หาญ ปัญญาธโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าอาเจียง ซึ่งเป็นชาวหมู่บ้านช้าง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งคนกลางทั้ง 2 ท่านได้เจรจากับทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งในครอบครัวทั้งหมด และหันหน้ามาทำความเข้าใจกันจนประสบผลสำเร็จ สามารถยุติปัญหาต่าง ๆ ทั้งหมดไปได้