จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “เบบินคา” ในช่วงนี้ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ จ.น่าน ระดับน้ำในแม่น้ำน่านเริ่มทะลักเข้าเขตเทศบาลเมืองน่าน ระดมทำให้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเร่งปิดรอยรั่วตามพนังกั้นน้ำ ขณะที่เช้าวันนี้มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นริมแม่น้ำน่านเตือนชาวบ้านและส่วนราชการที่อยู่ริมน้ำให้ขนของขึ้นที่สูงและอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย
สัญญาณเสียงเตือนภัยดังขึ้นริมแม่น้ำน่าน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (18 ส.ค.61) หลังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “เบบินคา” เจ้าหน้าที่จึงประกาศให้ประชาชนที่อยู่ตามริมแม่น้ำน่านและพื้นที่เสี่ยง อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย
ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพศาล วิมลรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.น่าน และ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน ไปสำรวจระดับน้ำที่พนังกั้นน้ำน่านชุมชนบ้านสวนตาลซึ่งน้ำทะลักเข้า เนื่องจากเป็นจุดที่พนังทรุดทำให้น้ำเข้าท่วมชุมชนบ้านสวนตาลสูงกว่า 50 เซนติเมตร และรถเล็กไม่สามารถผ่านไปทางสามแยกสวนตาลล่างได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องระดมกระสอบทรายปิดทางน้ำรั่ว ขณะเดียวกันชุมชนที่อยู่ติดริมน้ำน่านเช่น บ้านดอนศรีเสริม บ้านดอนแก้ว น้ำก็เริ่มเข้าแล้วเช่นกัน โดยระดับน้ำเกินจุดวิกฤติมาแล้วอยู่ที่ 8 เมตร 40 เซนติเมตร เทียบเท่าน้ำท่วมปี 2554 แต่ความเสียหายอาจจะน้อยกว่าเนื่องจากได้มีพนังกั้นน้ำช่วยและแจ้งเตือนล่วงหน้า จะเร่งนำกระสอบทรายอุดรอยรั่วตามพนัง กั้นน้ำและสูบน้ำออกหากทำได้จะบรรเทาได้มาก
ทั้งนี้ นายไพศาล วิมลรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.น่าน บอกว่า ตอนนี้ระดับน้ำอำเภอตอนเหนือทรงตัวแล้ว แต่ในเขตเทศบาลเมืองน่านได้เร่งอุดรอบรั่วของพนังกั้นน้ำโดยขอความร่วมมือกำลังทหารช่วยนำกระสอบทรายมาอุด แม้ว่าระดับน้ำจะสูงเท่าปีที่เกิดน้ำท่วมก่อน ๆ แต่ความเสียหายคาดว่าจะน้อยกว่าเพราะมีพนังกั้นน้ำและแจ้งเตือนล่วงหน้าตลอด นอกจากนั้นน้ำสาขาแม่น้ำน่านได้แก่ น้ำยาว น้ำปัว น้ำขว้าง ได้เข้าท่วม อ.ปัว และ อ.ท่าวังผา ในหลายพื้นที่ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร เข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 1,000 ครัวเรือน ไร่นาเสียหายหลายพันไร่ และน้ำกำลังเข้าท่วมเขตรอบนอกขอ อ.เมืองน่าน, ภูเพียง และ อ.เวียงสาด้วย
ส่วนที่พื้นที่บ้านท่าล้อ บ้านแสงดาว อ.ภูเพียง น้ำได้เริ่มล้นตลิ่งเข้าไปเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ขณะนี้ การจราจรสะพานพัฒนาภาคเหนือไปเขตวัดพระธาตุแช่แห้ง และ อ.สันติสุข อ.แม่จริม ใช้การไม่ได้ เช่นเดียวกับสะพานหน้าค่ายสุริยพงษ์ รถเล็กผ่านไม่ได้แต่จะมีรถของมณฑลทหารบกที่ 38 มาบริการประชาชน ที่จะข้ามมา อำเภอเมืองน่าน โดยรับประชาชนและรถจักรยานยนต์ บรรทุกมาส่งที่หน้าโรงพยาบาลน่าน สำหรับระดับน้ำน่านที่สถานีวัดน้ำ กาดแลง เทศบาลเมืองน่าน N1 เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ผ่านมา (18 ส.ค. 2561) อยู่ที่ 8.32 ม. เลยระดับวิกฤต 7 เมตร และระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ N64 บ้านผาขวาง อยู่ที่ 10.10 ม. เลยจุดวิกฤต 9.5 เมตร
เช่นเดียวกับที่ อ.ปัว สะพานบ้านทุ่งชัย รถ 6 ล้อ และ 10 ล้อ ไม่สามารถผ่านได้เนื่องจากเสาไฟฟ้าทรุดและเอียง และอีกจุดหนึ่ง เส้นทางลัดจาก อ.ปัว ไป อ.สองแคว ไม่สามารถผ่านได้เช่นกัน เนื่องจากระดับแม่น้ำน่านบริเวณสะพานบ้านวังม่วง ม.7 ขึ้นสูงมาก ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.น่าน ได้สั่งปิดถนนตรงแยกบ้านแหน และบ้านวังม่วงทั้ง 2 ฝั่งแล้ว เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง พร้อมทั้งได้เตือนอพยพกว่า 76 หมู่บ้าน และเตือนภัยอีก 21 หมู่บ้าน ในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ, ทุ่งช้าง, เชียงกลาง, ปัว, ท่าวังผา, เมืองน่าน, สันติสุข และแม่จริม ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง รวมทั้งดินโคลนถล่มไว้ด้วย
จ.ระนอง ประกาศเขตภัยพิบัติดินสไลด์แล้ว
ไปกันที่ จ.ระนอง หลังเกิดเหตุดินภูเขาสไลด์เป็นทางยาวจากบนภูเขากว่า 100 เมตร และทับถนนเพชรเกษมถึง 2 ครั้ง บริเวณจุดชมวิวน้ำตกปุญญบาล ต.บางนอน อ.เมืองระนอง ซึ่งเป็นถนสายหลักเชื่อมต่อภาคกลางและภาคใต้ ซึ่งตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนระดมเครื่องจักรกลหนักมาทำการตักดินออกจากพื้นที่ จนต้องมีการปิดถนนไม่ให้รถทุกชนิดผ่านตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้จนถึงเช้าวันนี้
ล่าสุด นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการ จ.ระนอง เข้าไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุเพื่อดูสถานการณ์ล่าสุด พร้อมกล่าวว่า หลังร่วมประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าจุดเกิดเหตุยังมีความเสี่ยง เนื่องจากดินภูเขายังอุ้มน้ำอีกเป็นจำนวนมาก และมีการเลื่อนไหลดินจากบนภูเขาไหลลงสู่ด้านล่างตลอดเวลา อีกทั้งยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ทางจังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่ดินภูเขาเลื่อนไหลเป็นเขตภัยพิบัติ ห้ามรถทุกชนิดผ่านโดยไม่มีกำหนดเพื่อความปลอดภัย โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกให้ใช้ทางเบี่ยงชึ่งมีระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรเพื่อความปลอดภัย พร้อมให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันประเมินสถานการณ์ทุก 6 ชั่วโมง เฝ้าติดตามในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง
เตือน “พายุเบบินคา” ทำไทยตอนบนฝนหนัก 18-19 ส.ค.
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนพายุโซนร้อน “เบบินคา” ฉบับที่ 31 ระบุว่า ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน บริเวณประเทศลาวตอนบน ได้เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ของประเทศไทย และเคลื่อนเข้าปกคลุมที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก่อนที่จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ส่งผลทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 18-19 สิงหาคมนี้ ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูง 2-3 เมตร