ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำที่ จ.เพชรบุรี หลังจากปริมาณน้ำที่เขื่อนแก่งกระจาน ยังคงไหลผ่านสปิลเวย์อย่างต่อเนื่อง และเข้าท่วมพื้นที่ท้ายเขื่อนและริมฝั่งแม่น้ำเพชรบุรีอย่างหนักในเขต 3 อำเภอ คือ แก่งกระจาน ท่ายาง และ บ้านลาด ขณะที่เขื่อนเพชรเร่งระบายน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ล้นตลิ่งคลองระบายน้ำ 4 สายหลัก ซึ่งผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า มวลน้ำก้อนใหญ่ก้อนแรกจากเขื่อนแก่งกระจานจะเข้าถึงตัวเมืองเพชรบุรีในช่วงเที่ยงวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะท่วมถนนสูง 10-20 เซนติเมตร นาน 5 – 7 วัน โดยทางจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือแล้ว
ปริมาณน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี พื้นที่เขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี ตอนนี้ต่ำกว่าระดับคันกั้นน้ำเพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้น เจ้าหน้าที่ก็เร่งดำเนินการนำกระสอบทรายมาวางเป็นแนวป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเพชรบุรี โดยเฉพาะตามจุดเสี่ยงต่าง ๆ รวมถึงเร่งสูบน้ำออกจากท่อระบายน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังจุดสำคัญทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน และย่านการค้า รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำอย่างใกล้ชิด ซึ่งความเสียหายล่าสุดตอนนี้มีรายงานว่าได้รับความเดือดร้อนแล้ว 3 อำเภอ 6 ตำบล ในพื้นที่ อ.แก่งกระจาน ท่ายาง และ อ.บ้านลาด
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแถลงข่าวร่วมกันเกี่ยวกับสถานการณ์มวลน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานจะเข้าท่วมตัวเมืองเพชรบุรีในช่วงเที่ยงวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.61) เนื่องจากอิทธิพลของพายุ “เบบินคา” ทำให้มีฝนตกและน้ำลงเขื่อนแก่งกระจานมาก จนเมื่อคืนที่ผ่านปริมาณน้ำที่เขื่อนแก่งกระจานอยู่ที่ 109 เปอร์เซ็นต์ หรือ 777 ล้านลูกบาศก์เมตร กรมชลประทานได้ระบายน้ำออกท้ายเขื่อนในอัตรา 286 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 24 ล้านลูกบาศก์เมตรเศษ ซึ่งเป็นการปลายน้ำสูงสุดเท่าที่เคยปล่อยมาในปีนี้ และมวลน้ำจำนวนนี้จะมาถึงเมืองเพชรเที่ยงวันพรุ่งนี้ คาดว่าชุมชนจะได้รับผลกระทบเพราะน้ำจะท่วมถนน 10 – 20 เซนติเมตร นานประมาณ 5 – 7 วัน ซึ่งการเตรียมพร้อมของทางจังหวัดได้มีการบูรณาการเครื่องสูบน้ำเข้ามาเต็มที่คาดว่าในตัวเมืองเพชรบุรีอาจสูบออกได้ทันอาจไม่ได้รับลกระทบอย่างที่คาดการณ์ไว้ และยังได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดูแลเรื่องเส้นทางเลี่ยงหากน้ำท่วมถนนสายสำคัญด้วย โดยจะให้รถวิ่งเข้าทางชะอำ ตัดออกเส้นเลี
แชร์ภาพน้ำท่วมป้าย “อช.แก่งกระจาน” จมมิด
ส่วนความคืบหน้าที่เขื่อนแก่งกระจาน ตอนนี้มีปริมาณน้ำเกินความจุอ่าง และทำให้น้ำไหลล้นสปิลเวย์ จนพื้นที่ท้ายเขื่อนทั้งบ้านเรือนประชาชนและรีสอร์ทได้รับความเดือดร้อน รวมไปถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่น้ำท่วมแทบจะมิดป้ายอุทยาน ซึ่งเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (Kaeng Krachan National Park) เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความที่ระบุว่า ” มีใครเคยมาถ่ายกับป้ายอุทยานเเห่งชาติแก่งกระจานอุทยานที่ใหญ่ที่สุดเเห่งสยาม “ป้ายจะจมแล้วเด้อ” เช่นเดียวกับวันนี้ที่ยังเห็นสภาพป้ายอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จมน้ำอยู่เลย ทำให้ นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวรายงานสถานการณ์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในช่วงหนึ่งก็ชี้ที่ป้ายอุทยานแห่งชาติยังจมอยู่ใต้น้ำ
น้ำโขงท่วมพื้นที่เกษตร ชาวหนองคายขนของหนี
ส่วนสถานการณ์น้ำโขงที่ จ.หนองคาย เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เริ่มลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 2 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับสูง วัดได้ 12.45 เมตร ซึ่งน้ำโขงหนุนเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในต่างอำเภอ เช่นที่บ้านดอนบก ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี ชาวบ้านที่ปักดำทำนาไว้แล้วถูกน้ำท่วมเสียหาย เช่นเดียวกับชาวสวนยางพาราต้องเดินลุยน้ำเก็บถ้วยยางให้พ้นจากแนวน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรรัตนวาปี ออกให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีบ้านอยู่ในที่ลุ่มต่ำเก็บข้าวของ ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงไปอยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมกำชับให้ตำรวจออกตรวจดูความปลอดภัยแก่ประชาชนเป็นระยะ โดยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.หนองคาย สำรวจความเสียหายแล้วพบว่า มีพื้นที่ 6 อำเภอได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ได้แก่ อ.เมืองหนองคาย, ท่าบ่อ, ศรีเชียงใหม่, สังคม, โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังสำรวจพื้นที่ที่เสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
จ.สุโขทัย เตรียมรับมือมวลน้ำยมจากแพร่
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย ที่จะเตรียมรับมวลน้ำยมจาก จ.แพร่ ล่าสุด นายไพโรจน์ พฤฒาวงศ์ ชลประทานจังหวัดสุโขทัย ระบุว่า มวลน้ำยมจะมาถึงประตูบ้านหาดสะพานจันทร์ ด่านแรกของการรับน้ำใน จ.สุโขทัย ปริมาณ 600-700 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งสามารถบริหารจัดการให้คงอยู่ในแม่น้ำได้ โดยผ่านออกไปทางคลอง 6 บาท เพื่อผันไปทางแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมสายเก่าเข้าพื้นที่ “บางระกำโมเดล” ที่เก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว คงเหลือมาลงที่ อ.ศรีสำโรง ประมาณ 500-550 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จากนั้นจะผันน้ำออกคลองสายต่าง ๆ และพื้นที่ทะเลหลวงด้วย ซึ่งสามารถควบคุมให้อยู่ที่ 450-500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
ขณะที่ระบบป้องกันอุทกภัยที่ อ.เมืองสุโขทัย ยังคงรับไหวโดยเฉพาะที่หน้าจวนผู้ว่าราชการ จ.สุโขทัย ปัจจุบันวัดน้ำได้ที่ 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมวลน้ำก้อนแรกยังไม่ถึง อ.ศรีสัชนาลัย แต่ทางเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ยังเฝ้าระวังแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วมและคันดินกั้นแม่น้ำยมสายเก่าที่มีจุดเสี่ยงอาจมีน้ำผุดได้ตลอดแนว พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำในเขตชุมชนและเขตเศรษฐกิจที่สำคัญแล้ว
