ชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1แถลงยืนยันอุบัติเหตุหินถล่มทับ 2 นักธรณีฯดับ ยืนยันการก่อสร้างมีมาตรฐาน แต่เกิดจากเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รับพื้นที่มีรอยเลือนเปลือกโลกกระจายตัวอยู่มาก พร้อมปรับแผนเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
ช่วงบ่ายวันนี้ (2 มี.ค.60) ที่สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 ต.สันโป่ง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีการแถลงข่าวชี้แจงอุบัติเหตุหินในอุโมงค์ส่งน้ำเข้า-ออก หมายเลข 6 อุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง สัญญาที่ 1 ที่บ้านป่าเลา ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ตามโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พังถล่มลงมาทับ 2 นักธรณีวิทยา คือ นายปถมพร ศิรวัฒน์ หรือ “อาย” อายุ 23 ปี และ นายปรัชญา วัตวสุอนันต์ หรือ “บิว” อายุ 24 ปี ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จนทำเสียชีวิตคาอุโมงค์เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมี นายวิทย์ วงษ์กมลชุณห์ ผอ.สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 และ รศ.ดร.นพดล เพียรเวช ผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้าง บริษัทที่ปรึกษาโครงการ เป็นผู้แถลงชี้แจงรายละเอียดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
รศ.ดร.นพดล ระบุว่า ภายในอุโมงค์ที่เกิดเหตุได้มีการระเบิดไปเมื่อวันที่ 28ก.พ. และได้มีการพ่นซีเมนต์ทับรวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ค้ำยันไปบางส่วนแล้ว ขณะที่เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ธรณีวิทยาได้เข้าไปสำรวจเพื่อเตรียมวางแผนการขุดเจาะอุโมงค์เพิ่มเติม แต่หินตรงจุดนั้นเกิดถล่มร่วงลงมาทับร่างทั้งสอง ซึ่งสภาพธรณีวิทยาในจุดดังกล่าวเป็นชั้นหินทรายและหินโคลน แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีน้ำซึมลงมาจำนวนมากจนดันให้แผ่นดินร่วงลงมาตามที่มีการให้ข้อมูลไปก่อนหน้านี้ น้ำบางส่วนที่มีอยู่ในอุโมงค์เป็นน้ำที่เกิดจากการก่อสร้างที่รอระบายและสูบออก ส่วนหินที่ร่วงลงมามีขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ยาว 3 เมตร เมื่อตกลงมาก็แตกกระจาย
สำหรับสภาพพื้นที่จุดนี้ เป็นพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนแขนงของเปลือกโลกกระจายตัวอยู่เป็นจำนวนมากเป็นปกติตามภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ซึ่งในส่วนของพนักงานที่เข้าไปปฎิบัติงานในอุโมงค์จะได้รับการอบรบเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว เพราะอาจมีหินร่วงหรือถล่มลงมาได้ทุกเวลา
อย่างไรก็ตามนับจากนี้จะต้องเพิ่มความระมัดระวัง และเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยในการทำงานขุดเจาะอุโมงค์มากขึ้น แต่ยืนยันว่า การสำรวจพื้นที่ขุดเจาะอุโมงค์เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้ด้านการขุดเจาะอุโมงค์มือหนึ่งของโลกจากประเทศออสเตรีย พร้อมยืนยันว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของการออกแบบก่อสร้างหรือจากอุปกรณ์ค้ำยัน แต่น่าจะเกิดจากเหตุสุดวิสัยมากกว่า เพราะจุดที่หินร่วงก็อยู่มาได้นานกว่า 1 วันหลังจากการระเบิดไปเมื่อวานนี้
ทางด้าน นายวิทย์ วงษ์กมลชุณห์ ผู้อำนวยการ สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และหลังเกิดอุบัติเหตุได้หยุดปฏิบัติงานเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปสำรวจความปลอดภัย และสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต จะมีการมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นรายละ 5 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังมีเงินกองทุนจากบริษัทต้นสังกัด และเงินช่วยเหลืออื่นๆเพิ่มเติมด้วย