ชาวนายังคงแอบจุดเผาตอซังอย่ างต่อเนื่องไม่สนค่าหมอกควันเกิ นมาตราฐานแม้ปราจีนบุรีจะติ ดโผกลุ่มเสี่ยง!!!
กลุ่มหมอกควันไฟส่งผลให้ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน เกิดขึ้นหลายปัจจัยด้วยกันทั้งภัยธรรมชาติที่เกิดจากธรรมชาติ ภัยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ที่เป็นผู้กระทำเองทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนใหญ่กลุ่มหมอกควันไฟมักจะมาจากการจุดไฟเผาตอซังในทุ่งนา และ ไร่สวนของเกษตรกรวันที่ 20 ม.ค.ระหว่างหมู่บ้านโนนกระพงษ์ , บ้านปากแพรก หมู่ 3 ต.กบินทร์ มีการจุดไฟเผาตอซังในทุ่งนาโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนจุดไฟเพื่อเผาตอซังให้เตียนโล่งหรือคนที่มาหาปลากันแน่ ในการจุดไฟนั้นส่งผลให้ควันไฟสีดำลอยกระจายออกไปทั่วไกลนับกิโลเมตร และข้างทุ่งหนองแขนนาง ต.วังดาล อ.กบินทร์บุรี จะมีกลุ่มคนหาปลาเข้า-ออก กันนับสิบคน จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่าทุกๆปี หน้านี้จะมีการจุดไฟทุกๆปี และหลายชั่วโมง กว่าจะดับเอง
นายพงษ์ แซ่ตัน ชาวบ้านหมู่ 3 ต.กบินทร์ ได้กล่าวว่า ตั้งแต่ตนมาอยู่ที่นี่ช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าวจะมีคนจุดไฟเผาตอซังทุกๆปี เคยพูดคุยกับเจ้าของนาซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันบอกว่า ไม่จำเป็นเผาตอซังทิ้ง เพราะไม่เผาทิ้ง เคยไถกลบแล้วฤดูการทำนาใหม่ไถหว่านเมล็ดข้าวจะไม่ตกถึงพื้น เพราะตอซังข้าวจะหนาทำให้ไม่ได้ผล เน่าหรือไม่โตแข็งแรง รากไม่ไม่ถึงดินเวลาน้ำหลากมาจะทำให้ต้นข้าวพันธ์ยืดหนีน้ำ มีความยาวกว่า1.40-50 ม.จะล้มหมด จึงเผาตอซังทิ้งและจากการสอบถามชาวบ้านใกล้กันได้รับผลกระทบจากควันไฟนานๆหรือไม่ ตอบว่าบ้านขอตอบสั้นๆไม่ต้องคิดมันเป็นวิถีชีวิตชาวนาในหมู่บ้านละแวกนี้มานานแล้ว และชินแล้วกับการสูดดมควันไฟแม้จะนานนับชั่วโมงๆ หรือข้ามวันข้ามคืนก็ทนได้ไม่นานเกิน 3 วันก็จะหมดทุ่งไปเอง คนจุดไฟเผาก็คนในหมู่บ้านใกล้ชิดติดกันรู้จักกันถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว