ที่หน้าที่ว่าการอำเภอโขงเจียม จ.อุบลราชธานี กลุ่มชาวบ้านโนนสูง หมู่ 6 ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม นำโดยนางวาสนา พันสิน อายุ 35 ปี ยื่นหนังสือกับนายศิริชัย อิทธิวงศ์ศุภกิจ นายอำเภอโขงเจียม เรียกร้องให้จังหวัดทบทวนคำสั่งรื้อถอนที่อยู่อาศัยของชาวบ้านกว่า 70 ครอบครัว ที่เข้าไปปลูกสร้างที่พักอาศัยในที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ของที่ดินสาธารณะประโยชน์ ตามหนังสือสำคัญที่หลวง ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2551 เนื้อที่กว่า 900 ไร่
พร้อมมีคำสั่งให้ชาวบ้านทั้งหมดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกพื้นที่ดังกล่าวภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2560 ทำให้ชาวบ้านทั้งหมดที่อพยพโยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตั้งแต่ปี 2537 หลังการสร้างเขื่อนปากมูล ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งนี้
ทั้งนี้ชาวบ้านได้โต้แย้งว่า หลังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจน ได้นำเรื่องของชาวบ้านจำนวน 39 ครอบครัวที่มาปลูกสร้างที่พักอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว เข้าสู่การประชุมของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และเมื่อปี 2544 ได้มีมติ ครม.ให้ชาวบ้านทั้ง 39 ครอบครัวพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้ แต่ห้ามไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติม โดยให้ตั้งเป็นหมู่บ้านใหม่และจัดสรรที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านครอบครัวละ 2 ไร่ ซึ่งตลอดมาชาวบ้านได้เรียกร้องให้มีการรังวัดแนวเขตที่ดิน เพื่อออกเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินตามคำสั่งของ ครม. แต่ไม่มีการดำเนินการและไม่สามารถตั้งเป็นหมู่บ้านใหม่ได้ เนื่องจากติดขัดระเบียบของกระทรวงมหาดไทย แต่ได้มีการขอออกเลขที่บ้านและอยู่อาศัยกันมาโดยตลอด และมีการขยายครอบครัวของลูกหลาน ทำให้ปัจจุบันมีครัวเรือนเพิ่มจาก 39 ครอบครัวเป็น 78 ครอบครัว
ต่อมาเมื่อปี 2549 มีการเข้ามารังวัดแนวเขตที่ดินสาธารณะประโยชน์ โดยไม่แจ้งให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ทราบ กระทั่งต่อมาปี 2551 มีการประกาศเป็นเขตที่ดินสาธารณะประโยชน์ทำเลเลี้ยงสัตว์ของหมู่บ้านตุงลุง ต.โขงเจียม และได้นำประกาศมาติดขับไล่ชาวบ้านให้ออกไปจากพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิมตามมติ ครม.ได้รับความเดือดร้อน จึงมายื่นหนังสือเรียกร้องให้จังหวัดทบทวนคำสั่งดังกล่าว และยื่นรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าร่วมเป็นตัวแทนเจรจากับทางราชการจำนวน 7 คนด้วย
ด้านนายศิริชัย กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาว่า ต้องมีการประชุมหารือร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดิน เจ้าหน้าที่ทหาร องค์การบริหารส่วนตำบล และอำเภอ โดยมีแนวทางหากต้องให้ชาวบ้านออกจากที่อยู่อาศัย จะให้ชาวบ้านย้ายไปอยู่ที่ใด หรือผ่อนผันให้อยู่ต่อไปได้ แต่จะต้องมีการกำหนดมาตรการมาควบคุมในการพักอาศัย และผู้ที่มีสิทธิจะต้องเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิมตามมติ ครม. ไม่ใช่ชาวบ้านที่เข้ามาบุกรุกใหม่ ซึ่งจะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนชาวบ้านก่อน แต่ระหว่างนี้ ก็ให้ชาวบ้านพักอาศัยต่อไปก่อน จนกว่าจะได้ข้อยุติ