ช้างป่ากว่า 300 ตัว ออกอาละวาด! กินพืชไร่ นาข้าว เสียหายกว่าร้อยไร่
เมื่อคืนที่ผ่านมาช้างป่ากว่า 300 ตัว พากันเดินพาเหรด กินพืชไร่ของชาวบ้าน ในเขตตำบลท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา โดยเฉพาะในนาข้าวที่กำลังออกรวง เสียหายหลายร้อยไร่ ชาวบ้านต้องเสี่ยงชีวิต ไล่ต้อนผลักดันเพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งชาวบ้านได้ขอให้ทางอำเภอท่าตะเกียบ เร่งแก้ไขโดยจัดตั้งชุดเฝ้าระวัง ไล่ต้อนผลักดัน
สถานการณ์ช้างป่าในปัจจุบัน มีจำนวนนับร้อยตัว ที่ออกจากป่าเพื่อมาหากิน และไม่ยอมกลับเข้าป่า ขยายพันธุ์จนเพิ่มประชากรช้างในพื้นที่อย่างรวดเร็วมากเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งทางอำเภอท่าตะเกียบ ยังไม่มีมาตรการเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาชาวบ้านแต่อย่างใด
ชาวบ้านบอกว่า ปีนี้เป็นปีที่มีประชากรช้างออกมามากที่สุด โดยเฉพาะช่วงข้าวกำลังออกรวง ซึ่งมีทั้งช้างที่ออกจากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน นับร้อยตัว มาสมทบรวมกับช้างป่าที่อยู่หากินในพื้นที่ไม่ยอมกลับเข้าป่าจนกลายเป็นช้างประจำถิ่นไปแล้ว โดยการหากินจะแยกออกเป็นฝูง ๆ ละ 50 – 80 ตัว มีหลายฝูง รวมกันแล้วมากกว่า 300 ตัว ที่ออกมาหากินในขณะนี้ ทั้งบริเวณบ้านอ่างเตย บ้านวังวุ้ง บ้านคลองมะหาด ในอำเภอท่าตะเกียบ และเมื่อถูกไล่ต้อนกดดันจากชาวบ้านในพื้นที่ อย่างหนัก ช้างป่าก็จะพากันข้ามไปหากินในเขตตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต
ชาวบ้านบอกว่า ในปีที่ผ่านๆ มา อำเภอท่าตะเกียบและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน มีการจัดตั้งชุดเฝ้าระวัง ไล่ต้อนผลักดันช้าง แต่ปัจจุบัน ปัญหาเกิดขึ้นมานานนับเดือน ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา หรือกำหนดแผนการจัดการปัญหาช้างป่าที่ออกมาหากินนอกพื้นที่ หรือมาสำรวจความเดือดร้อนของชาวบ้านแต่อย่างใด มีเพียงกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานไม่กี่นาย มาคอยช่วยชาวบ้าน เท่านั้น ทั้งที่ปัญหาทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ลุงคำสิงห์ เสือสำอางค์ วัย 51 ปี ชาวบ้านอ่างเตย ตำบลท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ต้องเสี่ยงชีวิต มานั่งเฝ้าข้าวเปลือก ที่ขนมากองไว้บนถนนเพียงลำพัง ส่วนภรรยาและลูกๆ รวมทั้งเพื่อนบ้าน กระจายกำลังกันเฝ้าแปรงนาข้าวที่กำลังออกรวงอีกหลายสิบไร่ เพราะเกรงว่า ฝูงช้างป่าจำนวนมากจะมาเก็บกินข้าวในนาที่กำลังจะเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งก่อนหน้านี้พื้นที่นาข้าวก็เคยถูกฝูงช้างป่าเข้ามากินนาข้าวเสียหายไปหลายสิบไร่