“ทวดตีบ” หรือ นางตีบ ดำแดง ปิดตำนานหญิงที่มีอายุยืนยาวที่สุด 120 ปีอยู่มา 6 แผ่นดินตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 10 โดยล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้จัดพิธีฌาปนกิจศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีชาวบ้านที่มาร่วมงานรับช้อนที่ระลึกหมดไปกว่า 2,000 คันตามความเชื่อจะมีกินมีใช้ ทำมาค้าขึ้น และอายุยืนยาว
เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (21 มี.ค.60) ที่วัดพุทธิการาม (วัดปลักกริมใน) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีพิธีฌาปณกิจศพ นางตีบ ดำแดง หรือคุณทวดตีบ อายุ 120 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในจ.สงขลาและอาจพูดได้ว่ายืนยาวที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ และอยู่มา 6 แผ่นดินตั้งแต่สมัยรัชกาลที่5จนถึงรัชกาลที่ 10 ซึ่งตามประวัติทวดตีบเกิดเมื่อ พ.ศ.2440 และได้เสียชีวิตลงอย่างสงบเมื่อวันที่พุธที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่บ้านพักเลขที่ 21 ซ.2 แก้วสมิทธิ์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา
สำหรับบรรยากาศในพิธีฌาปณกิจศพ มีลูกหลานและญาติ ๆ ทั้งใน จ.สงขลา พัทลุง และ จ.สตูล รวมทั้งผู้ที่เคารพนับถือมาร่วมพิธีกว่า 500 คน เพื่อร่วมไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณ “ทวดตีบ” สู่สวรรค์เป็นครั้งสุดท้าย โดยมี ดร.ไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นประธานในพิธี และมี นายสมบัติ ชนะสิทธิ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งเคยท้าเดิมพันวัวกับ”ทวดตีบ” ว่า หากอยู่ถึงอายุ 110 ปี ก็จะให้วัว 1 ตัวและแพ้เดิมพันจนต้องเสียวัว 1 ตัวตามที่สัญญาไว้ก็มาร่วมพิธีด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่กลายเป็นสัญลักษณ์ในงานศพของ “ทวดตีบ” นั่นคือ ช้อน เพราะเชื่อกันว่าการได้ช้อนในงานศพของผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 105 ปีขึ้นไปกลับไปเก็บไว้ที่บ้าน จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลมีกินมีใช้ ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา ไม่เจ็บไม่ไข้ และอายุยืนยาว ทำให้ตลอดช่วงบำเพ็ญกุศลศพของ “ทวดตีบ” มีทั้งผู้ที่มาร่วมงานศพและประชาชนทั่วไปเดินทางมาขอช้อนกลับไปเป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมากจนหมดไปแล้วกว่า 1,000 คัน โดยเฉพาะช้อนที่ใช้ในบ้านของ “ทวดตีบ” หมดตั้งแต่วันแรก ๆ
นางผ่องศรี บุณรพันธ์ อายุ 86 ปี ลูกสาวของ “ทวดตีบ” เปิดเผยว่า ในพิธีฌาปณกิจศพดังกล่าว ทางญาติได้สั่งช้อนมาเพิ่มอีก 1,000 คันเพื่อเป็นที่ระลึกในงานศพและแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมพิธีซึ่งคาดว่าหมดไม่มีเหลือเช่นกัน ยังไม่นับรวมช้อนที่ใช้ในงานศพซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมาก ตามความเชื่อที่ว่าหากจะให้ดีและเป็นมงคลจริงต้องแอบเอาช้อนจากงานศพเท่านั้น ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นพิธีก็ต้องมานับอีกทีว่าหายไปจำนวนเท่าไรแต่คาว่าน่าจะเป็นร้อย ๆ คัน ทว่าญาติ ๆ และลูกหลานก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นความเชื่อ อย่างน้อยก็ให้ลูกหลานที่นำช้อนกลับไปได้ร่วมกันรำลึกถึง “ทวดตีบ” ตลอดไป