ดีเอสไอและสาธารณสุขเชียงใหม่ บุกทลายแหล่งผลิตยาลดความอ้วนเถื่อนผสมสารไซบูทรามีน แถมใช้เลขทะเบียน อย.ปลอม ยึดล็อตใหญ่รวมกว่า 1.6 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท เตรียมเสนอเป็นคดีพิเศษหลังพบว่าขายทั่วประเทศมานานกว่า 3 ปี
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทยาลดความอ้วนกว่า 100,000 เม็ด และซองเปล่า รวมทั้งอาหารเสริมเพิ่มความขาว อีก 106 ลัง ประมาณ 1.5 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท เป็นของกลางที่เจ้าหน้าที่กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่ ยึดมาได้จากแหล่งผลิตและบรรจุในบ้านพักพื้นที่ ม.7 ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังพบแหล่งพักเก็บสินค้าอีก 2 แห่งใน อ.สารภี และ อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อม
จับกุมผู้ต้องหา 2 คนที่เป็นเจ้าของกิจการผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีข้อหาผลิตหรือจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ และผลิตหรือจำหน่ายอาหารปลอมที่มีฉลากตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522
INS รองอธิบดีดีเอสไอ-ยาลดความอ้วน
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พบการแพร่ระบาดของยาลดความอ้วนในแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยลักลอบใช้สาร “ไซบูทรามีน” ซึ่งเป็นยาควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข โดยยาดังกล่าวเป็นยาอันตรายมีผลต่อระบบประสาททำให้นอนไม่หลับ ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด หากบริโภคในจำนวนมากจะมีผลข้างเคียง เสี่ยงหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดตีบตัน และทาง อย. รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการบริโภคสารตัวนี้แล้วหลายราย และยังมีผู้ป่วยโรคไตกว่า 10,000 คน ที่คาดว่าจะมาจากการบริโภคสารตัวนี้เข้าไป
ทำให้ดีเอสไอร่วมมือกับ สสจ.เชียงใหม่ ใช้เวลาสืบสวนสอบสวนนานกว่า 6 เดือนโดยนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปตรวจทางวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันและพบว่ามีการผสมสารดังกล่าว ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานบุกเข้าตรวจค้นยึดของกลาง และจับกุมได้ดังกล่าว ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดความอ้วนมีการใช้เลขทะเบียน อย.ปลอม ลักลอบผลิตและจำหน่ายมานานกว่า 3 ปี ส่วนยี่ห้อที่ผลิตยาเพิ่มความขาว มีบางส่วนที่ใช้เลข อย. ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง โดยคดีดังกล่าวเป็นครั้งแรกที่มีการจับกุมและยึดของกลางใน จ.เชียงใหม่ หลังก่อนหน้านี้พบว่าผลิตอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำหน่ายผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งคดีนี้จะเสนอเป็นคดีพิเศษเพื่อขยายผลตรวจสอบการผลิตและจำหน่ายว่าไปถึงมือผู้บริโภคมากน้อยเท่าไร เพราะถือว่ามีผลกระทบกับประชาชน