ตำรวจท่องเที่ยว ประสานความร่วมมือ สำนักงานใหญ่ตำรวจดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ เครือข่ายฉีเคอ กลางเมืองดูไบ ตามนโยบายปราบปรามเครือข่ายแก็งค์คอลเซ็นเตอร์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่หลอกหลวงประชาชนได้รับความเดือดร้อน ของ คสช.
หลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศป.ฉปทน.ตร.) ก็ได้ทำการสืบสวนปราบปรามจับกุม
มาอย่างต่อเนื่อง
และจากการสืบสวนขยายผลการจับกุม นายฉีเคอ ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ซึ่งถูกตำรวจจับตัวได้ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงได้ติดตามจับกุมโปรแกรมเมอร์ชาวไต้หวัน ซึ่งเพิ่งเดินทางจากดูไบ มายังประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่ตระเวนกดเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชน และได้ขยายผลจนสืบทราบว่ามีเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จึงได้ประสานความร่วมมือผ่าน นายรังสรรค์ ศรีมังกร รองกงศุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ
โดยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท./ หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ พร้อมคณะ ได้ร่วมประชุมหารือ ณ สำนักงานใหญ่ตำรวจดูไบ โดยมี พล.ต.อับดุลลา คาลีฟา อัลมารี ผู้บัญชาการตำรวจดูไบให้การต้อนรับ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูล หลังสืบทราบว่าได้มีแก๊ง call center ตั้งอยู่ยังคอยหลอกลวงประชาชนคนไทยอยู่
จากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าว พบอุปกรณ์ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ที่ยังอยู่ระหว่างการสื่อสารเพื่อรอโอนเงิน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเหยื่อและรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงรวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อในแต่ละสายงาน
นอกจากนี้ยังพบคนไทย ทำหน้าที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเต็มใจมาทำภายในบ้านหลังดังกล่าว ๒๓ คน และชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมอีก ๑ คน โดยรายละเอียดยังไม่สามารถนำมาเปิดเผยเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลของเจ้าที่ตำรวจ
ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. อธิบายว่า นายฉีเคอผู้ต้องหาได้รวบรวมพนักงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วจัดส่งให้เดินทางมาเช่าบ้านเดี่ยวหรูแห่งนี้ มีชาวไต้หวัน ทำหน้าที่คอยควบคุมดูแลโดยทำมาประมาณ ๖ เดือน เงินหมุนเวียนกว่า ๕๐ ล้านบาท โดยประมาณต้นเดือน มีนาคม ๒๕๖๑ แก๊งดังกล่าวนี้เพิ่งหลอกคนไทย ๗ ราย ได้เงินไปกว่าล้านบาท ซึ่งมีผู้เสียหายในพื้นที่ สน.เตาปูน ดินแดง เมืองสมุทรปราการ คลองตัน ฝาง ปราณบุรี และเมืองขอนแก่น โดยสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้เปิดบัญชี ๓ คน ผู้รวบรวมบัญชี ๑ คน และคนกดเงิน ๓ คนได้ รวมจำนวน ๗ คน
ซึ่งการทำงานของแก๊งนี้มีการนำเทคโนโลยีพิเศษมาใช้ หลังจากหลอกเหยื่อสำเร็จแล้ว จะวางอุบายเพื่อขอ OTP จากบัญชีธนาคารของเหยื่อ แล้วหลอกให้อ่านข้อความที่ธนาคารแจ้งยืนยันมา เมื่อเหยื่อบอก OTP ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ จะนำ OTP นี้เข้าโปรแกรมดัดแปลงทำให้คอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนเป็นมือถือเครื่องหนึ่ง เข้าบัญชีธนาคารของเหยื่อแล้วโอนเงินออกไปยังปลายทางที่แก๊งเตรียมไว้จนหมด เช่น bitcoin หรือบัญชีอื่นๆ แล้วถอนเงินออก นำส่งหัวหน้าแก๊งเพื่อแบ่งเงินตามเปอร์เซ็นต์ที่ได้ตกลงกันไว้ภายในกลุ่มแก๊ง
สำหรับนายฉีเคอชาวไต้หวันเป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุหลบหนีอยู่ในประเทศไทยประมาณ ๒๐ ปี ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งไม่สามารถเดินทางกลับประเทศตัวเองได้เนื่องจากมีประวัติต้องคดีที่ประเทศไต้หวัน ทำหน้าที่คอยรวบรวมคนเข้ามาทำงานคอลเซ็นเตอร์ รวบรวมบัญชีที่ใช้กดเงิน ถือเป็นผู้บริหารระดับสูงภายในแก๊ง
ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.พร้อมคณะทำงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เข้าหารือกับผู้บัญชาการตำรวจดูไบ เพื่อประสานข้อมูลที่ตำรวจไทยได้แกะรอยแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทางการดูไบเป็นอย่างดี จนทำให้เราสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง และจะดำเนินการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีก รวมทั้งขอรับตัวคนไทยทั้งหมดกลับประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ในการปฏิบัติการครั้งนี้ถือว่าเป็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใกล้มาถึงจุดจบแล้ว เหลือกลุ่มที่เป็นเครือข่ายอีกไม่กี่กลุ่มซึ่งทางชุดปฏิบัติการจะดำเนินการปราบปรามให้หมดสิ้นต่อไป