ตำรวจสภ.สมเด็จนำตัวสองสามีภรรยามาสอบปากคำ หลังทำร้ายลูกจนศีรษะแตกและจับล่ามโซ่ พร้อมเตรียมแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำความรุนแรงในครอบครัว ด้านพ่ออ้างแค่อบรมสั่งสอนลูกเท่านั้น
จากกรณีผู้ใหญ่บ้านสร้างแสน หมู่ที่ 2 ต.ลำห้วยหลัว อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ได้ช่วยเหลือเด็กชายสองคน อายุ 12-13 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องต่างบิดาหรือมารดา ไว้ในขณะที่พบเห็นบริเวณถนนในหมู่บ้านในสภาพที่ร่างกายเปื้อนเลือด โดยเด็กชายอายุ 12 ปี ยังมีเครื่องพันธการซึ่งเป็นโซ่ล่ามไว้อยู่ขาด้านซ้าย และนำไปปฐมพยาบาลที่โรงพยาบาลสมเด็จ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ และนำความแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สมเด็จ จนได้เกิดการช่
วยเหลือนำไปไว้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น
ล่าสุด ตำรวจ สภ.สมเด็จ ได้นำตัวนายณรงค์ เรืองสิทธิ์ อายุ 39 ปี และนางบุญยาติ ก้องเวหา อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา มาทำการสอบปากคำและสอบถามเหตุการณ์ในเบื้องต้น โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพเข้าร่วมสอบปากคำและสอบถาม
โดยนายณรงค์ เรืองสิทธิ์ อายุ 39 ปี กล่าวว่า ตนกับนางบุญยาติ ได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปีแล้ว ซึ่งก่อนที่จะอยู่กินด้วยกันตนนั้นมีลูกติดจากภรรยาเก่าเป็นผู้ชาย 1 คน อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นคนที่ถูกล่ามโซ่ ส่วนภรรยาก็มีลูกติดกับสามีเก่า 3 คน และมีลูกด้วยกันอีก 1 คน รวมทั้งหมด 5 คน ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุตนไปทำงานรับจ้างเป็นช่างซ่อมรถตามปกติ ส่วนลูกๆก็ไปโรงเรียน จากนั้นช่วงสายมีครูมาถามหาลูกของตน ว่าทำไมไม่ไปโรงเรียน ตนจึงออกไปตามหากระทั่งไปพบที่ร้านเกมแห่งหนึ่ง จึงนำตัวกลับบ้าน แต่ด้วยความโมโหได้ใช้มือตบหลังไป 1 ครั้ง แต่ลูกชายกลับด่าทอผู้เป็นพ่อด้วยคำหยาบคาย พร้อมกับวิ่งไปหยิบประแจที่เอาไว้ซ่อมรถมาเพื่อจะตีตน จึงเกิดการแย่งกันและเหวี่ยงไปถูกหัวลูกชายแตก จากนั้นจึงบอกให้ภรรยาไปส่งกลับทำงาน แต่ก็กลัวลูกชายหนีไปอีก จึงให้ภรรยานำโซ่มาล่ามไว้จนกว่าภรรยาจะกลับมา ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้าย เป็นเพียงการอบรมสั่งสอนลูกที่ดื้อเท่านั้น
ด้านพ.ต.อ.อุกกฤษฏ์ ทรงชัยสงวน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า พ่อแม่ของเด็กทั้งสองยอมรับว่าได้ล่ามโซ่จริง แต่ไม่ได้ตั้งใจทำร้าย เป็นเพียงการสั่งสอนลูกที่ดื้อเท่านั้น ทั้งนี้หลังจากพนักงานสอบสวนสอบปากคำทั้งสองคนสามีภรรยา และสอบปากคำเด็กร่วมกับทีมสหวิชีพ รวมทั้งพยานแวดล้อมครบแล้วก็จะได้แจ้งข้อหากับทั้งสองคนทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำความรุนแรงในครอบครัวได้เลย ส่วนการเยี่ยวยาและดูแลเด็กนั้นจะมีการประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้การช่วยเหลือต่อไป
ขณะนายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอสมเด็จ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวหลังเกิดเหตุได้รับรายงานแล้ว ซึ่งขณะนี้ตัวเด็กทั้งสองคนอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและสตรีจังหวัดกาฬสินธุ์ และมีภาวะจิตใจดีขึ้นมากแล้ว อย่างไรก็ตามทางนายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ซึ่งทางอำเภออยู่ระหว่างการประสานงานกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าไปดูแล ทั้งที่อยู่อาศัยและการศึกษาต่อไป
ส่วน พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้กำชับให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจสมเด็จ ดำเนินการอย่างเร่งด่วน แต่ต้องคำนึงถึงหลักคุณธรรม