เปิดข้อมูลวงการพระสงฆ์ เสพ-ค้า ยาเสพติดช่วง 10 ปีพุ่ง 7 เท่า พบพระหนุ่มอายุ 20-24 ปีพัวพันยาบ้ามากที่สุด
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ของมหาเถรสมาคมได้เผยแพร่รายงานการประชุมในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 20/2561 รายละเอียดระบุถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้มีหนังสือแจ้งมายังมหาเถรสมาคมว่า
ปัจจุบันมีแนวโน้มของพระสงฆ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพิ่มสูงขึ้น ทั้งที่ปรากฏเป็นข้อมูลข่าวสารทางสื่อมวลชนและข้อมูลยาเสพติดจากระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสำนักงาน ป.ป.ส. ได้มีการหารืออย่างต่อเนื่องเพื่อแสวงหาแนวทางการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
โดยจำนวนพระสงฆ์ที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาในแต่ละปีมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2560 มีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเพิ่มมากกว่าในปี 2551 ถึง 7 เท่า และช่วงอายุของพระสงฆ์ที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาในลำดับแรกอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 20-24 ปี สอดคล้องกับช่วงอายุของกลุ่มประชากรทั่วไปที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา
ขณะที่จำนวนข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏทางสื่อมวลชนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยในห้วง 6 เดือนแรกของปี 2561 มีจำนวน 66 ข่าว สูงกว่าในปี 2560 จำนวน 28 ข่าว และเมื่อตรวจสอบประวัติของพระสงฆ์ตามข่าวพบว่ามากกว่ากึ่งหนึ่งไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน ทั้งด้านการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา
ทั้งนี้ ฐานความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดของพระสงฆ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และรุนแรงต่อเนื่อง โดยมีจำนวนของกลางยาเสพติดที่พระสงฆ์เข้าไปเกี่ยวข้องสูงสุดคือ ยาบ้า
จากข้อมูลตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่ามีพระสงฆ์ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดคิดเป็นร้อยละ 0.09 เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนพระสงฆ์ทั่วประเทศ และจำนวนวัดที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารคิดเป็นร้อยละ 0.4 เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนวัดทั้งประเทศ แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารโดยเฉลี่ย 3 วันต่อ 1 ข่าว ทำให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบของพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ขอความร่วมมือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดทำข้อเสนอเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในวัด ดังนี้ ให้มีการจัดทำฐานข้อมูลพระภิกษุ สามเณร ศิษย์วัด โดยเจ้าอาวาสประสานสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด รวมทั้งให้มีการตรวจตราวัดที่ปรากฏข่าวสารการแพร่ระบาดของยาเสพติด
สำหรับพระภิกษุและสามเณรที่มีพฤติกรรมเสพหรือติดยาเสพติด ให้ผู้แทนจากเจ้าคณะจังหวัดพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ส่วนพระภิกษุและสามเณรที่มีพฤติกรรมค้ายาเสพติด ให้ลาสิกขาและดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
โดยที่ประชุมรับทราบและให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งเจ้าคณะจังหวัดทั้งสองฝ่ายเพื่อแจ้งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกระดับชั้นในเขตปกครองให้ดำเนินการเข้มงวดคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาขอบรรพชาอุปสมบท ดูแลพระภิกษุและสามเณรในปกครองโดยใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่ประสานงาน เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด