ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา ออกโรงถกปัญหาทัวร์เกือบร้อยบริษัทประกาศคว่ำบาตรไม่เที่ยวอยุธยา เพราะปัญหาการจัดการรถรางล้อยาง ผวารถไม่ปลอดภัย ลั่นภายใน 2 วันต้องจบ ยันจังหวัดฯ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
จากกรณีที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้จัดให้มีรถรางล้อยางออกมาวิ่งรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ในระยะทางรอบโบราณสถาน 4.5 กิโลเมตร โดยมีการเก็บค่าโดยสารต่างชาติคนละ 50 บาท และชาวไทย 20 บาท ซึ่งเกิดผลกระทบรถไม่พอรับนักท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวยืนตากแดด อีกทั้งรถตุ๊ก ๆ เข้าไปรับผู้โดยสารไม่ได้ เนื่องจากตำรวจมีการออกข้อบังคับห้ามรถรับจ้างเข้า นอกจากรถรางล้อยาง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มทัวร์ ถึงกับประกาศไม่เที่ยวอยุธยา ทั้งหมดเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากการย้ายร้านค้าข้างวิหารพระมงคลบพิตร ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุด นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาการจัดระเบียบการจราจรและบริการรถรางล้อยางในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พรระนครศรีอยุธยา โดยมี พ.อ.พนาเวศ จันทรังสี นายประทีป เพ็งตะโก ผ.อ.สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา นางปราณี ด่านชัยวิโรจน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.พระนครศรีอยุธยา ตัวแทนเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ตำรวจ และตัวแทนจากผู้ประกอบการทัวร์และมัคคุเทศจำนวนกว่า 100 คนเข้าร่วมประชุม
บรรยากาศการประชุม ผู้ว่าฯ จ.อยุธยา เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจากบริษัททัวร์ต่าง ๆ นำปัญหาที่เกิดขึ้นมาพูดคุย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเดินทางมาเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาขณะนี้ โดยเห็นว่าการจัดการรองรับนักท่องเที่ยวด้วยรถรางล้อยางไม่มีความพร้อมในเรื่องของการทำเวลา ซึ่งเมื่อพานักท่องเที่ยวเข้าไปจอดบริเวณหลังศูนย์ข้อมูลข่าวสารท่องเที่ยวอยุธยาหรือศาลากลางหลังเก่าแล้ว นักท่องเที่ยวต้องเสียเวลารอรถรางออกไปส่ง และยังต้องยืนรอรถรางกลับรวมทั้งเรื่องของความปลอดภัยที่รถไม่มีทะเบียนไม่มีการทำประกันให้กับนักท่องเที่ยว และช่วงหน้าฝนยังสุ่มเสียงต่อการเปียกฝน ภายในรถรางล้อยางไม่มีอุปกรณ์เสริม เช่น เข็มขัดนิรภัยที่ต่างชาติถือว่าจำเป็น ไมโครโฟนที่ไกด์จะต้องใช้พูดกับนักท่องเที่ยว อีกทั้งคนขับส่วนใหญ่ยังเด็ก ไม่มีประสบการณ์ทำให้ลูกทัวร์มีความเสี่ยงสูง ที่สำคัญ ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ผู้ประกอบการทัวร์หลายบริษัทมีการส่งข้อมูลพูดคุยที่จะไม่มาเที่ยวในจุดโบราณสถาน หากยังแก้ไขไม่ได้ ในขณะที่ตัวแทนสามล้อเครื่องหรือตุ๊ก ๆ เรียกร้องให้มีจุดจอดและเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยว
นางปราณี ด่านชัยวิโรจน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ทางจังหวัดต้องเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยแนะนำว่าอนาคตควรมีตั๋ววันเดียวเที่ยวได้ทุกที่ในตั๋วหนึ่งใบ แล้วมีบริการรถรางด้วย อีกทั้งยังเห็นว่าหากไม่มีความพร้อมของรถรางก็ต้องหยุดดำเนินการก่อน นอกจากนี้ ยังมีการถามถึงที่มาของรถรางล้อยาง ซึ่งทางสำนักศิลปากรที่ 3 ให้เหตุผลว่าเป็นรถของกรมศิลปากร แต่ให้เอกชนคือบริษัทสุโขทัยเดินรถมาดำเนินการ เนื่องจากกรมศิลปากรไม่มีความชำนาญ ส่วนรายได้ส่วนแบ่งยังไม่มีการพูดคุยกัน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุม มีการโต้เถียงกันระหว่างสถานประกอบการท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการรถรางล้อยาง และการโต้เถียงของผู้ประกอบการทัวร์เป็นระยะ ซึ่งยังได้เกิดอุบัติเหตุรถรางล้อยางเฉี่ยวชนกับรถยนต์เก๋งของประชาชน เนื่องจากความไม่คุ้นของคนขับรถ ซึ่งมองว่าไม่ปลอดภัยด้วย
นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังจากประชุมเพื่อรับฟังปัญหาในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่ามีปัญหาที่ต้องแก้มากมาย และยอมรับว่าอาจจะเกิดจากความไม่พร้อมของการจัดการรถรางล้อยางเท่านั้นซึ่งเชื่อว่าจะแก้ปัญหานี้ได้
หลังจากนี้จะเชิญทุกฝ่ายมาหารือเพื่อยุติปัญหานี้ เชื่อว่า 2 วันนี้ต้องจบ ซึ่งในฐานะเมืองท่องเที่ยวเชื่อว่าทุกฝ่ายจะต้องช่วยเหลือกัน และช่วงนี้ตนได้สั่งการให้งดค่าโดยสารรถรางล้อยางไปแล้ว จนถึงวันที่ 31 มี.ค. และยังได้ให้รถตุ๊กตุ๊กรับจ้างสามารถเข้าไปรับนักท่องเทียวได้ในเขตโบราณสถานเป็นการลดความกดดัน