พลตำรวจตรีกมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนดำเนินคดีคดีทุจริตเงินทอนวัด ล็อต 4 ว่า ขณะนี้ ป.ป.ป. อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบวัดทั่วประเทศ ที่ได้รับงบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มากกว่า 1 ล้านบาท ในช่วงปี 2555-2560 เบื้องต้นพบการกระทำความผิดบ้างแล้ว แต่ต้องรอให้ พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. เข้าร้องทุกข์กับ ปปป. ให้ชัดเจนก่อน โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการร้องทุกข์ที่ผ่านมา ป.ป.ป. ก็ได้ประสานข้อมูลกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาโดยตลอด และล็อตนี้ ยังคงพบว่า ผู้กระทำผิดเป็นกลุ่มข้าราชการกลุ่มเดิมๆที่ทุจริตเงินของรัฐเป็นหลัก และส่วนใหญ่เป็นข้าราชการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2555-2560 ซึ่งถูกดำเนินคดีไปแล้วจากคดีทุจริตเงินทอนวัดก่อนหน้านี้ เพราะเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายและโอนเงินในช่วงดังกล่าวพลตำรวจตรีกมล ระบุอีกว่า คดีล็อตนี้อาจยังไม่ใช่ล็อตสุดท้ายที่จะมีผู้ถูกดำเนินคดี เพราะ ปปป. ยังคงเดินหน้าตรวจสอบไปจนกว่าจะไม่พบวัดที่กระทำความผิด
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. โอนสำนวนคดีเงินทอนวัด ล็อต 2 กลับมาให้ ปปป.ดำเนินการนั้น พลตำรวจตรีกมล ระบุว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช. มองเห็นศักยภาพการทำงานของ ปปป. อีกทั้งยังเป็นอำนาจหน้าที่ที่ ปปป. จะดำเนินการได้ ซึ่งหลังจากรับสำนวนกลับมาแล้ว ปปป.ก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
สำหรับคดีเงินทอนวัด ที่ดำเนินการไปแล้ว 3 ล็อต มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 340 ล้านบาท และเป็นการตรวจสอบทุจริตงบใน 3 งบประมาณ คือ งบบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด / งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยวัดสระเกศราชวรมหาวิหารที่ถูกดำเนินคดีในล็อตที่ 3 นี้ ถือเป็นการทุจริตงบสูงที่สุด กว่า 150 ล้านบาท