กลุ่มนักธุรกิจชาวอินเดียโวยตำรวจพัทยาไม่ยอมช่วยเหลือหลังตนกับเพื่อนไปเที่ยวสถานบันเทิงแล้วมีเรื่องทะเลาะวิวาท แถมตำรวจยังปล่อยคู่กรณีหลบหนีไปแล้วมาจับกลุ่มตนขึ้นโรงพักแทน ชี้จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เมื่อคืนที่ผ่านมาก ร.ต.อ.นิวัตน์ เพ็งแคน รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวทะเลาะวิวาทกันที่สถานบันเทิง ภายในถนนวอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้ หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบและควบคุมตัวคู่กรณีมาทำการสอบสวน เบื้องต้นพบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียประมาณ 6คน และหญิงไทย 5คน ยืนโวยวายในที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวมาทำการสอบสวนยัง สภ.เมืองพัทยา โดยนายมานิตย์ ยันโฮนา อายุ 36 ปี หนุ่มนักธุรกิจในเมืองพัทยา ได้แสดงความไม่พอใจโวยวายเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีความเป็นธรรมจับแต่เพื่อนของตนมาแต่ไม่จับคู่กรณีที่มีเรื่องกันแต่กับปล่อยให้หนีไป ทั้งนี้นายมานิตย์ ให้การว่า ตนเองนั้นทำธุรกิจในเมืองพัทยามากว่า 20 ปี และสถานที่บันเทิงแห่งนี้ตนก็ไปใช้บริการบ่อยครั้ง ซึ่งวันนี้ญาติและเพื่อนๆได้มาเที่ยวที่เมืองไทยตนก็เลยพามาเที่ยว แต่หลังจากที่เช็คบิลแล้วภรรยาของน้องชายได้เกิดไปมีปัญหากับสาวชาวรัสเซียแต่กับถูกคนในผับนั้นจับภรรยาของน้องชายให้สาวรัสเซียทำร้ายโดยการตบหน้า
จากนั้นก็เกิดการชุลมุลกัน ภายในผับ กลุ่มการ์ดจึงได้พากันมาล็อคตัวพวกตนและทำร้ายร่างกายและพาออกมาที่ด้านนอก พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก็ไม่ทำอะไรและไม่ช่วยอะไรกลับปล่อยให้คู่กรณีหนีไป มิหนำซ้ำแล้วทางเจ้าหน้าที่ของสถานบันเทิงยังอ้างว่าตนนั้นอยากทำอะไรก็เชิญไม่กล้ว จนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวกลุ่มของตนมายัง สภ.เมืองพัทยา โดยเรื่องนี้ตนและเพื่อนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเนื่องตนกลุ่มตนนั้นไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุแต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งตนก็ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในวอล์คกิ้งที่เลือกปฏิบัติ ตนจะไม่พานักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่พัทยาอีกถือว่าเถื่อนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกทางผู้ที่เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งและตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและจุดใกล้เคียงเพื่อติดตามตัวคู่กรณีมาทำการสอบสวนซึ่งเบื้องต้นจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ภาพ-ข่าว อัมพร ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์ จ.ชลบุรี