นายกฯ เปิดรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวแบริ่ง-สำโรง ชี้รัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาจราจรทั่วกรุงเทพฯ เพื่อลดการติดขัด กำชับใช้วัสดุก่อสร้างในประเทศลดค่าใช้จ่าย แต่ต้องเน้นปลอดภัย พร้อมกำชับให้ประชาชนเดินทางปลอดภัยช่วงสงกรานต์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเปิดการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สำโรง ว่า รัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ซึ่งทุกประเทศมีปัญหาเดียวกัน ทั้งนี้ต้องคำนึงผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงการบริการ ขณะเดียวกันในการก่อสร้างได้เน้นย้ำให้ใช้วัสดุในประเทศ เพื่อเกิดเป็นธุรกิจเชื่อมโยง เช่น สิ่งก่อสร้าง วัสดุต่าง ๆ และต้องลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง แต่ยังต้องปลอดภัย โดยการสร้างส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นการเชื่อมต่อจากรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่สถานีแบริ่ง ไปตามแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท จนถึงบริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง ระยะทางรวม 13 กิโลเมตร จำนวน 9 สถานี มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการรวม 27,673 ล้านบาท ทั้งนี้ จะสามารถเปิดให้บริการทุกสถานีภายในปี 2561
ทั้งนี้ ทราบว่า ชาวกรุงเทพฯ ใจดีให้ขึ้นฟรีในส่วนต่อขยายนี้ถึงปี 2560 โดยขอให้ขึ้นรถไฟฟ้าอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งหากไม่เข้าแถวก็อาจให้หยุดเดินขบวนรถ เพื่อเป็นแบบอย่างให้เด็กเยาวชน นอกจากนี้ ให้นโยบายว่าต้องมีการพัฒนา 2 ข้างทาง ให้กลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ในทุกเส้นทาง ซึ่งต้องคิดอย่างต่อเนื่องให้เป็นรูปธรรม โดยต้องจัดการผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม โดยเชื่อว่าการพัฒนาการขนส่งระบบรางจะบรรเทาการจราจรในพื้นที่บางนา และสมุทรปราการได้ และอนาคตต้องเพิ่มการเดินทางด้วยระบบรางมากขึ้น โดยวางแผนเป็นภูมิภาค กลุ่มจังหวัด ให้เชื่อมต่อไปสู่ปริมณฑลและเข้าสู่ส่วนกลาง แต่ต้องเป็นไปตามขีดจำกัด
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้ฝากถึงประชาชนขอให้ทุกคนมีความสุขใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้เดินทางปลอดภัย ทำบ้านเมืองให้ผ่านช่วงสงกรานต์ เพื่อให้เป็นปีใหม่ที่ดี ๆ และเหมาะสมเป็นปีที่ดีของคนไทย
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง–สมุทรปราการ เป็นส่วนต่อขยายจากรถไฟฟ้าบีทีเอสช่วงสถานีหมอชิต-แบริ่ง ตั้งอยู่ใน จ.สมุทรปราการ ครอบคลุมพื้นที่ 3 เทศบาล คือ เทศบาลสำโรงเหนือ เทศบาลนครสมุทรปราการ และเทศบาลบางปู มีจำนวน 9 สถานี ระยะทางรวมทั้งสิ้น 13 กิโลเมตร ได้แก่
1. สถานีสำโรง (E15) ตั้งอยู่ระหว่างสะพานข้ามคลองสำโรงกับแยกเทพารักษ์
2. สถานีปู่เจ้าสมิงพราย (E16) ตั้งอยู่บริเวณถนนซอยสุขุมวิท 115
3. สถานีพิพิธภัณฑ์เอราวัณ (E17) ตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุมวิทซอย 7
4. สถานีโรงเรียนนายเรือ (E18) ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนนายเรือ
5. สถานีสมุทรปราการ (E19) ตั้งอยู่หน้าวิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ
6. สถานีศรีนครินทร์ (E20) ตั้งอยู่บริเวณสะพานข้ามคลองบางปิ้ง
7. สถานีแพรกษา (E21) ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนสมุทรปราการ
8. สถานีสายลวด (E22) ตั้งอยู่บริเวณซอยเทศบาลบางปู 45
9. สถานีเคหะสมุทรปราการ (E23) ซึ่งสถานีนี้มีที่จอดรถจำนวน 1,200 คัน โดยทาง กทม. จะเปิดเดินรถทั้งระบบได้ปลายปี 2561
อย่างไรก็ตาม หลังจากพิธีเปิดงานเสร็จสิ้นแล้ว ประชาชนสามารถเข้าใช้บริการฟรีโดยทาง กทม. จะยังไม่เก็บค่าโดยสาร ซึ่งหลังจากเดือนเมษายนเป็นต้นไป คณะผู้บริหาร กทม. จะพิจารณาเก็บค่าโดยสาร ในส่วนของสถานีแบริ่ง-สำโรง ว่าจะเริ่มเก็บค่าโดยสารเมื่อไรและเท่าไร แต่ส่วนต่อขยายที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม. จำนวน 5 สถานี ที่เปิดให้บริการก่อนหน้านี้ (สถานีบางจาก สถานีปุณณวิถี สถานีอุดมสุข สถานีบางนา สถานีแบริ่ง) จะพิจาณาขึ้นค่าโดยสารจากเดิม 10 บาทเป็น 15 บาทตลอดสาย