“พล.ต.ท.ศานิตย์”แถลงรวบผู้ต้องส่งกัญชากว่า 48 กิโลกรัมผ่านไปรษณีย์ พร้อมฝากถึงผู้ประกอบการให้ตรวจสอบชื่อผู้ฝากของอย่างละเอียดหวั่นมิจฉาชีพส่งของผิดฏหมาย
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชการตำรวจนครบาล แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาส่งกัญชาผ่านทางไปรษณีย์ โดยพล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน สามารถยึดกัญชาอัดแท่งจำนวน 35 แท่ง น้ำหนักกว่า 48 กิโลกรัม ถูกบรรจุอยู่ภายในกล่องพัสดุที่ทำการไปรษณีย์ สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตห้วยขวาง หลังจากที่เมื่อวานที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากนายฉัตรชัย ตั้งวรธรรม เจ้าหน้าที่บริษัทไปรษณีย์ ว่าได้มีชายไทยไม่ทราบชื่อมาที่บริษัท เพื่อมาฝากส่งพัสดุจำนวน 14 กล่อง โดยส่งไปรษณีย์แบบด่วนพิเศษ แต่ชายคนดังกล่าวแจ้งว่าจะนำเงินสดมาชำระค่าฝากส่งให้ภายหลังในเวลาประมาณ 21:30 น. หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบกัญชาบรรจุอยู่ในกล่องพัสดุ จึงได้วางกำลังซุ่มอยู่ที่เกิดเหตุ จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.20 น. มีเยาวชนชาย อายุ 15 ปี เดินทางมาที่บริษัท และได้สอบถามถึงใบเสร็จที่มาฝากพัสดุ แต่นายฉัตรชัยแจ้งว่าไม่สามารถออกใบเสร็จให้ได้เนื่องจากยังไม่ได้ชำระเงินค่าบริการ ด้านเยาวชนชายจึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังชายอีกคนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและเข้าทำการซักถามจนยอมรับว่ามีนายวัฒนา เต่าไธสง ได้สั่งการทางโทรศัพท์ให้ตนเองมาตรวจสอบความเรียบร้อยของพัสดุ
ต่อมาเวลาประมาณ 21.00 น. นายวัฒนา พร้อมด้วยนายอานนท์ พวงจำปี และนายสหรัฐ ใจฉวะ ได้ขับรถยนต์ มาจอดที่หน้าร้าน เพื่อจะติดต่อกับนายฉัตรชัย ชำระเงินค่าฝากส่งพัสดุ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม พร้อมตรวจค้นรถยนต์พบกัญชาอัดแท่ง จำนวน 21 แท่งบรรจุอยู่ในกล่องพัสดุ พร้อมขยายผลตรวจค้นห้องพัก ย่านพระโขนง พบกล่องพัสดุจำนวนมากเพื่อเตรียมที่จะบรรจุกัญชาเตรียมส่งให้กับลูกค้า จึงทำการตรวจยึดไว้ พร้อมแจ้งข้อหานายวัฒนา กับพวกรวม 4 คน ในความผิด”จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชาโดยผิดกฎหมายและร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” จากการสอบปากคำนายวัฒนา รับว่า ได้ซื้อยาเสพติดมาจากชายไทยไม่ทราบชื่อโดยติดต่อกันผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยจะยาเสพติดจะมาสอนไว้ข้างทางแล้วจะบอกไลน์ให้นายวัฒนาไปเอายาเสพติดก่อนจะนำไปจำหน่ายต่อ
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชการตำรวจนครบาล กล่าวว่า หลังจากนี้ก็จะต้องเร่งขยายผลจับกุมต้นทางที่ยาเสพติดที่กลุ่มผู้ต้องหาสั่งซื้อมา ทั้งนี้ยังฝากไปถึงผู้ประกอบการรับฝากส่งของให้ตรวจสอบบัตรประชาชนเวลาที่มีการฝากส่ง เพราะที่ผ่านมาจากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อสกุลปลอม เป็นช่องว่างให้มิจฉาชีพอาศัยส่งของผิดกฎหมายหลายครั้ง