กรณีเฟชบุ๊คแหม่มโพธิ์ดำแชร์เรื่องราวเด็ก 7 ขวบถูกพี่เลี้ยงทำร้ายร่างกาย ตามลำตัวมีรอยฟกช้ำและใบหน้าปูดบวม แต่เมื่อตำรวจและแพทย์พยาบาล ได้เข้าสอบถามอาการเบื้องต้นกับเด็ก / เด็กถึงกลับกลัวไม่กล้าบอกความจริง และระบุสาเหตุเพียง สะดุดล้มจนเป็นแผลไม่มีใครทุบตีตามที่เป็นข่าว วันนี้ทีมข่าวไบรท์นิวส์จึงเดินทางไปดูอาการเบื้องต้นของน้องเอิร์ธ ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวที่ของชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร เพราะน้องถูกพ่อแม่แท้ๆ ทิ้งไว้กับผู้ที่รับจ้างเลี้ยง แต่กลับถูกทำร้ายจนมีบาดแผลทางกาย แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ แผลบาดทางใจ ที่ยากต่อการเยียวยา
น้องเอิร์ธ หนูน้อยวัย 7 ขวบ ที่ถูกพ่อและแม่ทิ้งไปตั้งแต่มีอายุ 3 เดือน และต้องมาอาศัยอยู่ครอบครัวนางอภิญญาในฐานะรับผู้รับเลี้ยง เพราะถูกแม่แท้ๆ ทิ้งไป ขณะที่ครอบครัวนี้ ได้รับการเปิดเผยจากเครือญาติว่า มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทำให้วันดีคืนดี น้องเอิร์ธก็มักจะตกเป็นธาตุอารมณ์ของคนพวกนี้
สุณิสา 1 ในเครือข่ายที่เลี้ยงน้องเอิร์ธมาตั้งแต่แบเบาะ และน้องเอิร์ธไว้ใจ จนเรียกเป็นแม่ เล่าว่า หลังปี 55 ครอบครัวของนางอภิญญามาขอน้องเอิร์ธไปเลี้ยง เพราะญาติผู้พี่ต้องการมีลูก และรับรู้ว่าตลอดว่า ทั้งพี่สาวและพี่เขยชอบทุบตีน้องเอิร์ธเป็นประจำ ที่ไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวจะมีปัญหาตามมา โดยเฉพาะแม่ตนเองที่รักน้องเอิร์ธมาก
เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับน้องเอิร์ธอีกครั้ง ในเช้าวันที่ 13 พฤษภาคม น้องเอิร์ธแอบโทรหาตนและเล่าด้วยความหวาดกลัวว่าถูกทำร้ายจนเจ็บหนัก ให้ช่วยมารับด้วย เมื่อมีเห็นอาการแล้ว จึงตัดสินใจนำน้องมารักษาที่โรงพยาบาลบางปะหัน จนแพทย์รับรักษาตัวไว้
แม้วันนี้น้องเอิร์ธจะอยู่ในความดูแลของผู้เป็นหมอ แต่สภาพจิตใจก็ยังไม่เหมือนเดิม เพราะทุกครั้งที่น้องเอิร์ธเจอคนแปลกหน้าก็จะหวาดกลัว และไม่กล้าเล่าเรื่องราวให้คนภายนอกฟัง เพราะกลัวว่าครอบครัวที่เคยเลี้ยงดูจะย้อนมาทำร้าย ซึ่งพญ.วิภาวี เกตุวา แพทย์ทั่วไป ระบุว่า บาดแผลภายนอกไม่น่าห่วง แต่เป็นห่วงคือสภาพจิต และไม่ขอชี้ชัดว่า บาดแผลที่พบเกิดตามร่างกาย มาจากถูกกระทำ แต่เป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องพิสูจน์หาประจักพยาน
แน่นอนว่าขณะนี้น้องเอิร์ธอาจจะมีกำลังใจที่ดีขึ้นตามลำดับ นับตั้งแต่ถูกนำตัวออกมาจากจุดที่เคยอยู่ และขณะนี้มีหน่วยงานจากศูนย์บ้านพักเด็กและครอบครัว กระทรวงพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเข้าเยียวยาให้กำลังใจ และเตรียมประสานจัดที่พักพิงให้ปลอดภัยทั้งตัวพี่เลี้ยงและน้องเอิร์ธ ซึ่งอยู่ระหว่างตกลงว่าจะให้หน่วยงานรับเลี้ยงน้องเอิร์ธ หรือให้สิทธิ์นางสาวสุณิสา เพื่อเลี้ยงดูอุปการะน้องเอิร์ธต่อไป
