เรื่องของปัญหาขยะทะเล แม้ว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่ก็ยังมีปัญหาดังกล่าวให้เห็นต่อเนื่อง ล่าสุด รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในทะเลไทย อย่างเร่งด่วน พร้อมทำแผนแม่บทการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง เนื่องจากมีรายงานว่ามีขยะมูลฝอยเกิดขึ้นมากกว่า 11 ล้านตัน
วันนี้ (28 ก.ย.61) พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชิญคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ เข้าประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า และเร่งขับเคลื่อนบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ณ ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับในภาพรวมจากรายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่สำคัญ ประจำปี 2560 ที่ผ่านมา สถานภาพแนวปะการังฝั่งอันดามันมีความเสียหายมากกว่าฝั่งอ่าวไทย โดยมีขยะมูลฝอย 11.47 ล้านตันใน 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล และมีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งยาว 704 กม. มีการก่อสร้างรุกแนวชายฝั่งทะเล 70 กิโลเมตร แนวโน้มทรัพยาการทางทะเลเปลี่ยนแปลงไปจากการกระทำของมนุษย์มากกว่าธรรมชาติ โดยเฉพาะบริเวณเกาะแก่งสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบ การออกประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่ เกาะไข่ใน // เกาะไข่นอก // และเกาะไข่นุ้ย อ.เกาะยาว จ.พังงา และพื้นที่ เกาะราชาใหญ่ // เกาะราชาน้อย อ.เมือง จ.ภูเก็ต รวมทั้ง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรประการัง จากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ซึ่งมอบให้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินการต่อไป
โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมรณรงค์ขับเคลื่อนลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างเป็นผลต่อเนื่องมา เป็นผลให้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ เปลี่ยนไปในเชิงอนุรักษ์และการหวงแหนท้องถิ่นร่วมกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยขอให้รณรงค์และให้ความรู้กับประชาชนในภาพรวมและ 24 จังหวัดชายฝั่งทะเลรวมทั้งกรุงเทพมหานคร อย่างจริงจังต่อเนื่องกันไป
ซึ่งจากข้อมูลรายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ผ่านมา ควบคู่กับการคาดการณ์สถานการณ์อนาคต และขอให้พิจารณาเร่งออกประกาศมาตรการคุ้มครองความเสียหายของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากการประกอบการท่องเที่ยวและกิจกรรมดำน้ำที่มีกว่า 5 ล้านรายต่อปี โดยให้ครอบคลุมทุกหมู่เกาะที่ได้รับผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบโดยเร็ว ทั้งนี้ ขอให้มีการจัดทำกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ครอบคลุมทั่วถึง ควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาชนในทุกระดับ เพื่อให้เราทุกคน สามารถมีและใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกันอย่างยั่งยืน