ลำปางเดินหน้ายึดคืน ผืนป่าที่ถูกแผ้วถางเป็นแปลงปลูกยางพาราคืนหลังตรวจสอบและสืบสวนมานานกว่า 2ปี พบว่าเป็นกลุ่มทุนไม่ใช่เกษตรกร บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ จริงส่งดำเนินคดีทางกฏหมายทันที
นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง ได้เดินทางเข้าไปทวงคืนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ไฮ หลังพบกลุ่มนายทุนได้เข้าไปถางป่าแล้วปลูกยางพารากว่า 100 ไร่ ส่งผลให้รัฐเสียหายกว่า 8 ล้านบาท โดยภาพที่เห็นเป็นป่าไม้สีเขียนอ่อนนั้นคือต้นยาพาราที่กลุ่มนายทุนได้เข้ามาบุกรุกเพื่อหาผลประโยชน์
เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง พร้อมด้วยสายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังร่วมกันเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุก จำนวน 3 จุด ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ไฮ เขตบ้านสบจาง หมู่ 6 และบ้านวังพร้าว ม. 2 ต.วังพร้าว อ.เกาะคา โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้เข้ายึดแปลงปลูกยางพารา ที่บ้านสบจาง หมู่ 6 ต.วังพร้าว อ.เกาะคา เนื้อที่จำนวน 83-0-98 ไร่ คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงินจำนวน 5,660,660 บาท ซึ่งพบว่ามีการบุกรุกป่าเข้าครอบครองทำประโยชน์ พบต้นยางพาราอายุประมาณ 10 ปี ปลูกเรียงเป็นแนวยาว ส่วนแปลงที่ 2 ได้เข้าตรวจยึดแปลงปลูกยางพารา ที่บ้านวังพร้าว หมู่ 2 ต.วังพร้าว อ.เกาะคา พบต้นยางมีอายุประมาณ 7 ปี ปลูกในเนื้อที่จำนวน 17-2-08 ไร่ คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงินจำนวน 1,191,360 บาท และแปลงที่ 3 อยู่ในเขตบ้านวังพร้าว หมู่ 2 ต.วังพร้าว เนื้อที่จำนวน 14-2-16 ไร่ คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงินจำนวน 988,720 บาท
โดยการเข้าตรวจยึดในครั้งนี้ เนื่องมาจากเมื่อช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. 2558 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และฝ่ายปกครอง ตรวจสอบพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ไฮ ครอบครองและเข้าทำประโยชน์โดยมีการปลูกพืชเศรษฐกิจต้นยางพาราเป็นบริเวณกว้าง โดยการครอบครองที่ดินเป็นการเข้าครอบครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่มีหลักฐานหนังสือสำคัญตามประมวลกฎหมายที่ดิน และเป็นพื้นที่จำนวนมาก การกระทำลักษณะดังกล่าวเป็นการใช้เงินลงทุนที่สูงจึงเข้าข่ายเป็นนายทุนหรือผู้ที่ร่ำรวย ทั้งนี้จากการสอบถามผู้นำท้องถิ่น พบว่าไม่มีใครรู้จักหรือเคยพบเห็นหน้าผู้บุกรุกและพบว่าเป็นคนนอกพื้นที่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการติดตามตัวและมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป