กรณีการทุจริตการยักยอกเงินช่วยเหลือคนยากไร้และคนไร้ที่่พึ่ง หลังจาก ปปง. ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมและจากการตรวจสอบเชิงลึกแล้วพบพฤติการณ์ทุจริตการยักยอกเงินจริง จึงมีมติยึดอายัดทรัพย์อดีตบิ๊ก พม. กับพวกรวม 12 ราย มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการธุรกรรมมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ทุจริตการยักยอกเงินช่วยเหลือคนยากไร้ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ปปง. ได้ตรวจสอบเชิงลึกพบว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ 3 ราย คือ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัด พม., นายณรงค์ คงคำ อดีตรองปลัด พม. และนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการ พม. มีพฤติการณ์ทุจริตการยักยอกเงินช่วยเหลือคนยากไร้
โดยจะทำงานเป็นขบวนการผ่านทางการจัดสรรเงินงบประมาณลงไปยังศูนย์และหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดทั่วทุกภาค และมีการจัดทำเอกสารการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอันเป็นเท็จ ส่วนเงินที่ได้จากการทุจริตเบิกจ่ายจะส่งกลับคืนไปยังผู้บริหารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในขณะนั้น และแปลงเงินไปเป็นทรัพย์สินในรูปแบบอื่นให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งจากการสืบสวนข้อมูลทางการเงินและข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้อง พบว่ามีการได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คณะกรรมการธุรกรรมในคราวประชุมเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ นายพุฒิพัฒน์, นายณรงค์, นายธีรพงษ์ และเจ้าหน้าที่ของ พม. รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบุคคลดังกล่าว ประมาณ 12 ราย เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ รวม 41 รายการ มูลค่าประมาณ 88 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวมีพฤติการณ์กระทำความผิดทางอาญาฐานฟอกเงินโดย ปปง. จะดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาความผิดฐานฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. ได้แจ้งเตือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการทุจริตในหน้าที่ ว่า นอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแล้ว หากใครมีพฤติการณ์ในการรับหรือโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทุจริตก็อาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุก 10 ปีต่อการโอนหรือรับโอน 1 ครั้ง