โลกโซเชี่ยวโพสต์คลิปเตือนภัยหลังเวลา03.00 น. มีผู้หญิงวิ่งออกจากข้างถนนมายืนขวางรถที่สัญจรไปมา หวังรถหักหลบและเกิดอุบัติเหตุและก่อเหตุชิงทรัพย์ ขณะชาวบ้านบอกเคยเจอบ่อยเพื่อความปลอดภัยยอมขี่รถอ้อมไปไกลกว่า 5 กิโลเมตร
วันที่ 10 พฤษภาคม 25561 เวลาประมาณ 06.30 น. จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชื่อ สฤษฎิชัย ยะโสภณ โดยระบุข้อความในโพสต์ว่า คลิปนี้เป็นคลิปเพื่อให้ผู้ขับรถระวังเวลาขับรถในที่แสงสว่างไม่เพียงพอ เหตุเกิดเวลาประมาณ ตี3 วันที่ 9/5/61 เส้นทางไปตำบลนาแส่ง บ้านแม่หยวก อ.เกาะคา ผมไม่ทราบเจตนาของบุคลในคลิป ที่ทำแบบนั้น ว่าทำเพื่ออะไร แต่ขอให้ผู้ใช้รถโดยเฉพาะผู้หญิงที่ขับรถคนเดี๋ยว อย่าจอดรถเป็นอันขาด ถ้าชน ก็อย่าจอด ให้ขับไปให้ไกลแล้วโทรขอความช่วยเหลือนะครับ เพราะไปดูตรงที่เค้าวิ่งออกมา มีลักษณะคนมานั่งรอ มีถ้วยมาม่าคัพ ทิ้งไว้ 3 ถ้วย คาดว่ามีอย่างน้อย 3 คน ถือว่าเป็นคลิปเตือนสตินะครับ ส่วนคนทำ ถ้ามีญาติมาเห็นก็ให้เลิกทำซะ คราวหน้าอาจจะไม่โชดดีแบบนี้ครับ
โดยหลังคลิปเผยแพร่ออกไปมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งในคลิปมีความยาวประมาณ 17 วินาที ช่วงวินาที ที่ 4 จะปรากฏภาพคนลักษณะคล้ายผู้หญิงปล่อยผมยาว ใส่เสื้อสีขาวกางเกงยีนส์ สีน้ำเงิน วิ่งออกมาจากข้างทางยกมือทั้งสองข้างกางออก ซึ่งถ้าคนขับรถขวัญอ่อน หรือตกใจก็จะหักรถหลบลงข้างทาง ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้ หรือถ้าจอดรถก็อาจจะถูกชิงทรัพย์ได้ ซึ่งตนเองได้ขับรถหลบและ รอจนเช้าจึงย้อนรถกลับไปดูจุดดังกล่าวในตอนหกโมงเช้าอีกครั้ง ซึ่งเวลาห่างกันประมาณ 3 ชั่วโมง
ซึ่งก็ไม่พบหญิงคนดังกล่าวพบเพียงแก้วมาม่าคัพ ที่กินแล้วจำนวน 3 แก้ว และกระเป๋าใบเล็ก 1 ใบ มีกุญแจรถ ไฟแช๊ก และกระดาษฟรอย์สีเงิน และใกล้กันยังพบกระป๋องเบียร์หนึ่งกระป๋อง ฟรอย์สำหรับเสพยาบ้าตกอยู่เกลื่อนบริเวณรวมทั้งอุปกรณ์สำหรับเสพยาที่พบในกระเป๋าบริเวณโพงหญ้าอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสันนิฐานว่าน่าจะมีคนจำนวน 3 คนหรือมากกว่า มานั่งเสพยาบ้าและให้ผู้หญิงเป็นนกต่อเพื่อเรียกรถที่วิ่งสัญจรผ่านไปมาให้จอด หรือถ้าใครตกใจหักหลบอาจเสียหลักตกลงข้างทาง จากนั้นทั้งหมดก็จะเข้ามาชิงทรัพย์ก็เป็นได้
ขณะเดียวกันชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าถนนดังกล่าวยามค่ำคืนมืดมาก ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ค่อยมีใครผ่านเพราะถนนเส้นนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง บางครั้งก็มีการสูญเสียชีวิต อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาติดไฟส่องสว่างให้เพียงพอและเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดสายตรวจหมั่นตรวจตรา บริเวณถนนเส้นดังกล่าว เพราะด้านบนหัวถนนมีโรงงานอยู่ชาวบ้านที่เลิกงานหลังเที่ยงคืนเห็นว่าเป็นทางเปลี่ยวจะขี่รถจักรยานยนต์อ้อมไปใช้อีกทางหนึ่งเพื่อความปลอดภัยของตนเอง แต่ก็ต้องอ้อมไปไกลกว่า 5 กิโลเมตร เลยทีเดียว
นางกัลญา ใจมโน อายุ 42 ปี ชาวบ้านในบริเวรดังกล่าวซึ่งทำงานโรงงาน กลับบ้านช่วงประมาณเที่ยงคืน ขับผ่านบริเวณดังกล่าว เจอมาสามครั้ง ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านแสงไฟจะส่องเห็นคล้ายมีคนเดินอยู่บนถนนด้านหน้าเมื่อขี่รถมาใกล้ๆก็ไม่เห็นใคร ซึ่งเจอมาสามครั้งไม่ผ่านเส้นนี้อีกเลย
ส่วนนางบัวแก้ว ป้อมสา อายุ 66 ปี ซึ่มีอาชีพเลี้ยงไก่ไขอยู่ในหมู่บ้านกล่าวว่า ตนเองเคยเจอครั้งหนึ่งซึ่งปกติกลางคืนจะไม่ออกไปนอกบ้านแต่ครั้งนั้นออกไปงานศพ กลับมาประมาณห้าทุ่มเที่ยงคืน กำลังขับรถกลับเข้าบ้านพร้อมเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน โดยมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านเห็นมีหญิงสาวผมยาวนั่งหวีผมอยู่ตรงป้ายทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อจอดรถถามว่าเป็นคนบ้านไหน จะไปไหนมานั่งมืดๆค่ำๆ ปรากฏว่าหญิงคนดังกล่าวหายวาบไปต่อหน้าต่อตา ตนเองกับเพื่อนรีบขับรถกลับบ้าน ตอนนั้นนอนป่วยไปห้าวัน พร้อมยืนยันว่าจะไม่ขอออกนอกบ้านยามค่ำคืนอีกเลย ส่วนป้ายดังกล่างผู้นำชุมชนรีบมาลื้อออกไป
นางน้ำทิพย์ บุญมา อายุ 67 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านเล่าให้ฟังว่าตนเองเจอมาเมื่อช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาสดๆร้อนร้อน ขณะขับรถกลับจากไปทำธุระเจอดีเข้าจนได้เห็นผู้หญิงใส่เสื้อคอกระเช้าหิ้วถุงพลาสติกเดินอยู่ริมถนนข้างทาง เมื่อขบรถไปถึงก็หายวาบไปต่อหน้าต่อตา ตนเองรีบกลับบ้านและไม่ยอมขับผ่านเส้นทางนี้อีกเลยในเวลากลางคืน
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ขับรถตระเวณดูเส้นทางดังกล่าวพบว่าสองข้างทางเป็นป่าละเมาะ รกทึบไม่มีไฟส่องสว่าง ยามค่ำคืนจะมืดและเปลี่ยว เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวขึ้นเนินลงเนิน และที่สำคัญสองข้างทางระหว่างหมู่บ้านสองแคว และบ้านแม่หยวก มีป่าช้าหรือที่เผาศพอยู่ห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร ซึ่งยามค่ำคืนก็เป็นจุดที่น่ากลัว ผู้ขับผ่านบริเวณดังกล่าวอาจจะตกใจกลัวเร่งเครื่องรถให้เร็วขึ้นจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้งก็เป็นได้ ส่วนเรื่องวิญาณความเชื่อก็น่าจะเป็นความเชื่อของตัวบุคคลซึ่งยังไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้
ด้านพ.ต.อ.จิตตพล วงษ์วัน ผกก.สภ.เกาะคา เปิดเผยว่า ได้สั่งการหัวหน้าสานตรวจหมั่นวนเวียนตรวจตราบนถนนสายดังกล่าวให้ถี่ขึ้นเพื่อป้องกันเหตุอีกทางหนึ่ง