ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด เร่งขยายผลดำเนินคดีนายทุนบ่งการค้ายาเสพติดล็อตใหญ่ หลังเข้าจับกุมยาบ้าถึง 10,000,000 เม็ด เฮโรอีนน้ำหนัก 37 กิโลกรัม พร้อมกัญชาอีก 917 กิโลกรัม มูลค่าสูงถึง 2,500 ล้านบาท
ยาบ้าล็อตใหญ่ 10,000,000 เม็ด เฮโรอีน 100 แท่ง น้ำหนัก 37 กิโลกรัม กัญชาอีก 917 กิโลกรัม ยาไอซ์ 2 กิโลกรัม รวมมูลค่า 2,500 ล้านบาท ถูกพลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พลตำรวจตรียิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำมาแถลงข่าวพร้อมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด 3 คดี จำนวน 13 คน
เบื้องหลังการจับกุม คดีแรกตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้จับกุมนายประวิทย์ แซ่ม้า และนางยิ้ง แซ่ม้า ชาวจังหวัดตาก บริเวณริมถนนสายเลี่ยงเมืองสุโขทัย – ตาก จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2561 ขณะขับรถกระบะผ่านด่านพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ตำรวจพบพฤติการณ์ผู้ต้องหาลุกลนน่าสงสัย จึงนำรถกระบะที่บรรทุกกระสอบมาเต็มคันรถ เข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ พบยาบ้าถึง 25 กระสอบ กระสอบละ 400,000 เม็ด รวมทั้งหมด 10 ล้านเม็ด และเฮโรอีน 100 แท่ง น้ำหนัก 37 กิโลกรัม โดยผู้ต้องหาใช้มูลไก่กลบกระสอบเอาไว้เพื่อตบตาตำรวจ จากนั้นได้ขยายผลจุบกุม นางนภา กิจพาณิชย์สกุล และนางกื๋อ แซ่ม้า ที่ริมถนนสายสุโขทัย–คีรีมาศ หน้าศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงโคนม จังหวัดสุโขทัย จากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหา ได้ขนยาเสพติดมาจากจังหวัดเชียงราย จากนั้นขับรถใช้เส้นทางหลบด่านลัดเลาะผ่านจังหวัดต่างๆ กระทั่งถึงด่านพยุหะคีรีเจอเครื่องเอ็กซเรย์ยาเสพติด จึงถูกจับยกแก๊ง
คดีที่สองตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้จับกุมกัญญา จำนวน 917 กิโลกรัม และยาไอซ์ ที่มีการลำเลียงมาจากชายแดนติดภาคอีสาน ส่งไปภาคใต้ผ่านออกไปต่างประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้ 6คน และคดีสุดท้าย จับกุมยาไอซ์ 2 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 3 คน
พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า แม้ว่าอีก 2 สัปดาห์ จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายนนี้ แต่ยืนยันจะจับกุมผู้ต้องหาได้อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะการเร่งหาหลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มนายทุน ที่คอยบงการค้ายาเสพติดอยู่เบื้องหลัง ส่วนพฤติการณ์ของแก๊งค้ายาเสพติด ยังใช้รูปแบบการซุกซ่อนยาเสพติดในรถยนต์ด้วยการเจาะช่องลับ ส่วนเส้นทางที่ใช้มากที่สุดคือ ภาคเหนือและภาคอีสาน สำหรับสถิติการจับกุมของปี 2561ดำเนินคดีทั้งหมด 2,018 คดี รวมมูลค่าของกลาง 12,200 ล้านบาท