ปูพรมหา! เศรษฐีชาวออสเตรเลีย และภรรยาชาวไทย หายตัวไปพร้อมรถปิกอัพคู่ใจอย่างเป็นปริศนา ตำรวจกระจายกำลังออกค้นหาที่บ้านพักกลางหุบเขา พบเพียงคราบเลือดเปรอะในโรงจอดรถ แต่ไม่พบตัวทั้งคู่ เชิญตัวพี่ชายฝ่ายภรรยาที่เคยมีปัญหากันเป็นประจำมาสอบปากคำ ยังปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็น
ตำรวจภูธรพระธาตุช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ยังคงกระจายกำลังออกตามหา นางหน็อต สุดแดน อายุ 61 ปี และนายอลัน สกอลท์ ฮ็อก อายุ 61 ปี สามีชาวออสเตรเลีย หลังได้รับแจ้งว่าทั้งคู่ ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านพักในอำเภอเมืองแพร่ มาหลายสิบปีได้หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์โมเดิร์น สร้างในหุบเขา บรรยากาศดี มีพื้นที่กว้างหลายสิบไร่ แบ่งเป็นโซนบริเวณบ้าน และจุดเลี้ยงสัตว์
จากการกระจายกำลังตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ตรงบริเวณโรงจอดรถติดกับตัวบ้าน พบรอยคราบเลือดกองอยู่ตรงพื้นดิน และมีร่องรอยเลือดกระเซ็นเปรอะตามพื้น คล้ายผ่านการชำระล้าง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงได้เก็บเลือดไปเพื่อตรวจพิสูจน์ ขณะที่รถปิกอัพ ยี่ห้อฟอร์ด สีขาว ทะเบียน กต 3181 แพร่ ของทั้งคู่ได้หายไป ส่วนภายในบ้านไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือความเสียหายแต่อย่างใด พบเพียงโทรศัพท์ที่ชาร์จทิ้งไว้
นอกจากนี้ ที่บริเวณในสวน มีรถแบ็กโฮขนาดเล็กสีเขียวจอดอยู่ ไม่ไกลกันยังพบรอยขุดหลุมที่ริมลำธารสภาพใหม่ ทำให้สงสัยว่าอาจมีการอำพรางศพ จึงขุดดูแต่ก็ไม่พบอะไร หลังค้นหาโดยรอบอย่างละเอียดก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เพิ่มเติม จึงกลับไปประชุมวางแผนการค้นหาต่อไป
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคนรู้จักที่สนิทสนมกับทั้ง 2 สามีภรรยาได้ให้การว่า ที่ผ่านมาได้ติดต่อกับทั้งคู่เป็นประจำ กระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อทั้งคู่ได้ ทั้งทางไลน์ และโทรศัพท์ จึงร้อนใจเพราะได้นัดเจอกันที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทั้งคู่ไม่เคยเงียบผิดปกติขนาดนี้ เลยรีบเดินทางมาดูจนแน่ใจว่าทั้งคู่หายตัวไปแน่นอน จึงเข้าแจ้งความ และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ให้ติดตามหาทั้ง 2 คน รวมทั้งติดต่อไปยังลูกสาวของทั้งคู่ที่อยู่ประเทศอังกฤษ เพื่อแจ้งให้ทราบ โดยลูกสาวของทั้ง 2 อยู่ระหว่างเดินทางมา คาดว่าจะมาถึงเมืองไทยในช่วงเย็นวันนี้
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ทราบว่าทางนางหน็อต มีพี่ชายที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ กัน และมักมีปัญหากันเป็นประจำ เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวมาเพื่อสอบปากคำ เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธว่า ไม่ส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของทั้ง 2 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนสอบสวนหาเบาะแสทั้งคู่ เพื่อติดตามตัวให้พบต่อไป