จากกรณีม็อบเด็กอนุบาล เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา ผู้ปกครองและนักเรียน ร.ร.อนุบาลละงู จ.สตูล ถือป้ายประท้วงไม่ให้รถครูเข้าโรงเรียน เนื่องจากอ้างว่าครูคนนี้พฤติกรรมไม่เหมาะสมและใช้วาจาไม่สุภาพ คล้ายๆ กับคนป่วยทางจิตมาตลอด 2-3 ปีให้หลัง แม้ว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จ.สตูล มีคำสั่งให้ช่วยราชการไว้ก่อน แต่ครูที่ตกเป็นข่าว โผล่มาที่ ร.ร.อนุบาลละงู อีก งานนี้ ผู้ปกครอง ครู นักเรียน แม้แต่ ผอ.โรงเรียน ต้องปิดประตูไม่ให้เข้าสอน พร้อมบอกว่าให้ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา อย่าสร้างความปั่นป่วนให้กับโรงเรียน
บรรยากาศที่ ร.ร.อนุบาลละงู ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล บรรดาคณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง รวมทั้ง ผอ.โรงเรียน นายปริญญา ดำเต๊ะ มาเฝ้าหน้าประตูทางเข้าโรงเรียนตั้งแต่เช้าวันนี้ (25 มิ.ย.61) หลังจากครูชั้น ป.3 สอนวิชาภาษาอังกฤษที่ตกเป็นข่าว เดินทางมาสอนอีกครั้ง แม้ว่าก่อนหน้านี้ 21 มิ.ย.61 ผู้ปกครองและนักเรียน ร.ร.อนุบาลละงู ถือป้ายประท้วงขอให้ย้ายครูคนดังกล่าวออกจากโรงเรียน เช่นคำว่า “อย่าทำร้ายด้วยคำพูดหยาบคาย” “หนูไม่ได้สารเลว” “หนูไม่เอาครู” เนื่องจากไม่พอใจที่ครูคนนี้ก้าวร้าว ใช้วาจาหยาบคายกับเด็ก และมีอาการคล้ายคนป่วยทางจิตมาตลอด 2-3 ปีให้หลังนี้ กลัวว่าบุตรหลานจะได้รับอันตราย
ซึ่งการประท้วงครั้งนั้น เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จ.สตูล เดินทางไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีคำสั่งย้ายด่วนมาช่วยราชการที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดสตูล ไปก่อน และเข้ารักษาอาการทางจิตหลังสอบสวนเบื้องต้นพบว่ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสมในการเป็นครูสอน และเพื่อความสบายใจของผู้ปกครองและเด็ก แต่ปรากฏว่าครูที่ตกเป็นข่าว ปฏิเสธการเดินทางไปช่วยราชการ อ้างว่ามีปัญหาสุขภาพไม่แข็งแรง ขับรถไปตัวเมืองไม่ได้ และเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ยุติธรรมกับตัวเอง ก็เลยเดินทางมาสอนอีกครั้งในวันนี้ ทำเอาผู้ปกครอง ครู ผอ. ถึงกับวุ่น ช่วยกันปิดประตูโรงเรียนไม่ให้ครูคนนี้เข้าไปสอน และแจ้งให้ครูปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา อย่าดื้อดึงหรือสร้างความปั่นป่วนให้กับโรงเรียนและนักเรียน
นายปริญญา ดำเต๊ะ ผอ.โรงเรียนอนุบาลละงู เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนพยายามประนีประนอมครูเจ้าปัญหามาโดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยปีแรกไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นครูมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปมาก อาทิ มีความหวาดระแวงครู ผู้ปกครอง นักเรียน เดินทางไปแจ้งความตำรวจปีละ 20 ครั้งได้ ถ่ายภาพจับผิด ลงมือทำร้ายนักเรียนและใช้วาจาที่ไม่สุขภาพ ซึ่งแม้ผู้ปกครองจะอนุญาตให้ตีได้แต่ควรให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน ซึ่งการให้ครูย้ายไปเพื่อรักษาตัวและให้เด็กมีความสุขในการเรียนการสอน
ขณะที่ผู้ปกครองก็ยังคงยืนยันว่า จะเฝ้าประตูโรงเรียนอยู่อย่างนี้ไปก่อน จนกว่าแน่ใจว่าครูที่ตกเป็นข่าว จะไม่กลับมาสร้างความหวาดผวาให้นักเรียนและบุตรหลานของพวกเขาเอง บางคนก็บอกว่า วันนี้ให้ลูกหยุดเรียนเนื่องจากรู้ว่าครูยังไม่ย้ายออกไป ลูกเองก็อยากมาเรียนแต่ก็กลัวครู หากครูยังวนเวียนหรือกลับมาสอนอีก ก็คงให้ลูกย้ายออกจากโรงเรียนเพราะกลัวว่าอาจจะไม่ปลอดภัย
ส่วนครูที่ตกเป็นข่าว ยืนยันว่า การประท้วงขับไล่ตนเองมีเด็กนักเรียนและผู้ปกครองบางคนเท่านั้นไม่ใช่ผู้ปกครองทั้งหมด การจะให้ตนไปช่วยราชการที่ สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา จ.สตูล คงทำไม่ได้เพราะตนเองสุขภาพไม่ดี ขับรถทางไกลไม่ได้ และไม่เห็นชอบด้วยคำสั่ง ส่วนคำถามที่ถามว่า ตนเองป่วยทางจิตอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ยืนยันเลยว่าไม่ได้ป่วยทางจิต และไม่มีหลักฐานพอจะมาปรักปรำตน หากตนผิดควรตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารที่ออกมายื่นชอบตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ความพยามของครูที่ตกเป็นข่าว ใช้เวลายืนตรงนั้นนานเป็นชั่วโมงที่จะเข้าไปภายในโรงเรียนแต่ถูกขัดขวาง ก่อนจะยอมรับทราบในหนังสือ แต่ก็ยืนยันว่าไม่ปฏิบัติตาม และจะนำเรื่องเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอแนวทางปฏิบัติกับตำรวจก่อนออกจากโรงเรียนไป