ผู้การพิษณุโลก เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาล หลังถูกหนุ่มเมาแล้วขับรถกระบะชนขณะหลบหนีการขอตรวจค้น แล้วเกิดอุบัติเหตุไปชนกับกระบะอีกคัน จนแรงรถกระเด็นไปชนรถเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจนทำให้เสียชีวิต 1 รายบาดเจ็บ 1 ราย
7 มิ.ย.60 ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์ จ.พิษณุโลก รายงานว่า หลังจากเหตุการณ์อุบัติเหตุรถยนต์กระบะ เมาแล้วขับหลบหนีตำรวจสายตรวจแล้วฝ่าไฟแดง พุ่งชนรถยนต์ที่ออกมาจากไฟเขียว จนทำให้รถยนต์กระบะท้ายกระเด็นฟาดรถจักรยานยนต์ของตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ทำให้ ส.ต.ต.ศราวุธ จันโส อายุ 29 ปี ชาว จ.อุตรดิตถ์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก เสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ และ ส.ต.ต.กันตพัฒน์ ศัลยพงษ์ อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บ บนถนนเส้นพิษณุโลก-อุตรดิตถ์ (ขาล่อง) บริเวณกลางสี่แยกอินโดจีน หมู่ 8 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก
ล่าสุดเช้าวันนี้ (7 มิ.ย.60) พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ได้เข้าเยี่ยม ส.ต.ต.กันตพัฒน์ ศัลยพงษ์ ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองพิษณุโลก ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่บริเวณสี่แยกอินโดจีน โดย พล.ต.ต.กิตติกร เป็นผู้แทนนำกระเช้าและเงินบำรุงขวัญ ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ พิษณุโลก โดย ส.ต.ต.กันตพัฒน์ อาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ที่บริเวณใบหน้ายังต้องมีการผ่าตัดบริเวณกรามกระดูกที่ยังมีรอยแตกหัก ซึ่งอาการโดยรวมถือว่าดีขึ้น
พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่ง ส.ต.ต.ศราวุธ จันโส ผบ.หมู่ (ป.) ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ที่เสียชีวิตขณะนี้ได้เบื้องต้นกำลังเดินเรื่องการเสนอปูนบำเหน็จ และสิทธิ์บรรจุทายาทเข้ารับราชการ คือน้องสาว ให้เข้ารับราชการตำรวจ อีกครั้ง ขณะที่ ส.ต.ต.กันตพัฒน์ ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอาการได้ดีขึ้นตามลำดับ ทางสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ก็จะดูแลในเรื่องสิทธิ์การรักษา
ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทางด้านผู้ต้องหาที่ก่อเหตุนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องฝากขังเพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม โดยไม่ได้มีการให้ประกันตัว และ ผู้ต้องหาเองก็ไม่ได้ทำเรื่องยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด เบื้องต้น พบมีปริมาณแอลกอฮอล์ เกินกว่ากฎหมายกำหนด 105 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ได้ตั้งข้อหา ขับรถขณะเมาสุรา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ดื่มเบียร์มาจากที่บ้านจำนวน 3 ขวด ก่อนจะขับรถยนต์ที่ก่อเหตุไปเยี่ยมญาติแต่มาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว