พบปืนแล้ว! กระบอกที่ยิงกรอกปากสาวใหญ่ดับ ย่านสุขาภิบาล5 มือปืนอ้างแค่หยอกล้อก่อนปืนลั่น ด้านตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าโดยเจตนา
พลตำรวจตรี เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล2 พร้อมด้วยตำรวจนครบาลคันนายาว เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน หรือ พฐ. เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ บริเวณบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูงอยู่ริมคลองหนองจรเข้บัว เขตบางเขน กรุงเทพฯ พบศพ นางสาวมานิต คงวิเศษ อายุ 55 ปี พบบาดแผลบริเวณช่องปาก และบริเวณท้ายทอย เสียชีวิต
จากผลการตรวจของแพทย์ ,พฐ. และชุดอีโอดี ไม่พบว่ามีส่วนประกอบของวัตถุระเบิดในที่เกิดเหตุ ผู้ตายเสียชีวิตจากการถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ ปากทะลุท้ายทอยถึงแก่ความตาย ไม่ใช่เหตุระเบิดตามที่ได้รับแจ้ง และจากการสืบสวนสอบสวนพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ผู้ตาย และนายวิโรจน์ สำราญเกตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา เขตสายไหม มีปากเสียงกัน ก่อนที่นายวิโรจน์ จะใช้ปืนยิงผู้ตาย เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวนายวิโรจน์ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ขณะที่ นายวิโรจน์ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นการเอาปืนมาหยอกล้อกับผู้ตาย และเกิดปืนลั่นถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย หลังก่อเหตุได้ขว้างปืนที่ใช้ก่อเหตุทิ้งไปที่บริเวณป่าหญ้าข้างบ้าน เบื้องต้นได้จัดชุดตรวจหาแล้ว
ต่อมาทางตำรวจได้เรียกตัวลูกชายของนายวิโรจน์ มาสอบปากคำ โดยให้การว่า หลังเกิดเหตุนายวิโรจน์ ได้ใช้ให้นำปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ที่ใช้ก่อเหตุไปซ่อนฝังไว้หลังบ้าน ก่อนที่จะพาตำรวจไปขุด แล้วนำปืนดังกล่าวมาเป็นของกลางประกอบคดี
ด้าน พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นอีกคดีอุกฉกรรจ์ และสะเทือนขวัญ พนักงานสอบสวนได้รับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีแล้วตามกฎหมาย ก็จะต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน และรอผลการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ และผลตรวจวัตถุพยานจากกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งในเรื่องนี้ ตนได้รายงานให้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้ว พร้อมทั้งได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว และเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย โดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมต่อไป