“พุทธะอิสระ” เจ็บหมอนรองกระดูกรุนแรง! ส่งทนายยื่นใบรับรองแพทย์ขอเลื่อนสอบคำให้การ คดีทำร้ายตำรวจสันติบาล หลังจากเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อคืนนี้
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธอิสระ ได้นำใบรับรองแพทย์ที่ระบุอาการป่วยที่หมอนรองกระดูกรุนแรง มายื่นต่อศาลอาญา รัชดา เพื่อขอความเมตตาให้เลื่อนนัดสอบคำให้การในคดีทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล ที่พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง อดีตพระพุทธอิสระเป็นจำเลยต่อศาลเมื่อวานนี้ ออกไปก่อน พร้อมเปิดเผยว่า ในวันนี้อดีตพระพุทธะอิสระ ไม่ได้เดินทางมาศาลเนื่องจากมีอาการป่วยดังกล่าว เนื่องจากในช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำ 84 วัน ไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจังต่อเนื่อง
โดยเมื่อคืนนี้ หลังออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทางคณะศิษย์ยานุศิษย์ ได้พาอดีตพระพุทธะอิสระ ส่งโรงพยาบาลทันที โดยแพทย์วินิจฉัยอาการระบุว่า มีอาการป่วยที่หมอนรองกระดูกรุนแรง ซึ่งต้องรักษาและพักฟื้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้วันนี้ไม่สามารถเดินทางมาศาลตามกำหนดนัดได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องรอให้แพทย์วินิจฉัยอาการของจำเลยว่า ดีขึ้นพร้อมที่จะมาศาลได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนตุลาคม นี้ อดีตพระพุทธอิระ มีคดีกบฏที่ต้องเดินทางมาขึ้นศาลอยู่แล้ว จึงจะขอความเมตตาต่อศาลให้เลื่อนสอบคำให้การเป็นช่วงเวลาดังกล่าวได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล เช่นกัน
นอกจากนี้ ทนายความ ยังระบุอีกว่า ขณะนี้อดีตพระพุทธะอิสระ ยังคงนุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย ซึ่งยังไม่ถือว่าขาดจากความเป็นพระ เพราะไม่ได้เปล่งวาจาสึกจากความเป็นพระ แต่ตามกฎหมายถือว่าได้ขาดจากความเป็นพระแล้ว ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่อดีตพระพุทธอิสระ จะกลับมาบวชอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้
สำหรับบรรยากาศที่ศาลอาญา รัชดา วันนี้มีกลุ่มศิษยานุศิษย์ประมาณ 20 คน มารอให้กำลังใจอดีตพระพุทธอิสระบริเวณหน้าศาลกันตั้งแต่ช่วงเช้า
ซึ่งในวันนี้ที่อดีตพระพุทธอิสระ ต้องมาขึ้นศาลอาญา เพื่อสอบคำให้การ นั้น เนื่องจากเมื่อปี57 อดีตพระพุทธอิสระ กับพวก ใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล 2 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณเวทีผู้ชุมนุม กลุ่ม กปปส. แจ้งวัฒนะ จึงทำให้พนักงานอัยการ ยื่นฟ้องในความผิดฐาน “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขัง หรือกระทำด้วยการใดให้เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ฯ ให้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไปข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายฯ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา