จากข้อบังคับของมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะชั้นผู้ใหญ่ที่ออกมาตรการจัดระเบียบพระสงฆ์จำนวน 9 ข้อ ซึ่งข้อแรกก็เกิดเป็นการถกเถียงกันของพระสงฆ์ เพราะห้ามพระเล่นเฟซบุ๊ก เล่นไลน์ หรือกดไลค์กดแชร์ ห้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งพระบางรูปก็ใช้เทคโนโลยีสื่อสารจำพวกนี้เพื่อติดต่อกิจของสงฆ์
โดยความเห็นของ พระราชธรรมนิเทศ หรือ “พระพยอม กัลยาโณ” เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กับมุมมองการจัดระเบียบพระสงฆ์ จำนวน 9 ข้อนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี และควรปฏิบัติบังคับใช้มาตั้งนานแล้ว เพราะบท
บัญญัติการถือศีลของพระสงฆ์ที่มี 227 ข้อก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าสิ่งไหนควรหรือสิ่งไหนไม่ควร แต่เรื่องของสื่อโซเชียลมีเดียนั้นอยากให้ทางมหาเถระสมาคม ทำข้อยกเว้นเอาไว้ สำหรับพระสงฆ์บางรูปที่ใช้สื่อเทคโนโลยีในการสอนหรือเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ส่วนข้อบังคับทั้ง 9 ข้อขณะนี้ยังไม่มีมติหรือเอกสารใดๆเป็นลายลักษณ์อักษรส่งมาถึงที่วัดสวนแก้วให้ปฏิบัติตาม แต่ถ้าหากทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติประกาศบังคับใช้ข้อบังคับนี้ ทางวัดสวนแก้วก็จะทำเป็นป้ายปิดประกาศเชิงกุศโลบายเพื่อให้สามเณะหรือพระสงฆ์ภายในวัด ได้ตระหนักถึงหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พระพยอมกังวลก็คือ เรื่องของการห้ามให้พระสงฆ์ตั้งแผงขายเครื่องรางวัตถุมงคลภายในบริเวณวัด เพราะปัจจุบันบางวัดมีรายได้มาจากการขายเครื่องราง อีกทั้งก็ยังคงมีหลายวัดในประเทศไทยที่กำลังคัดค้านขอผ่อนปรนในเรื่องดังกล่าวอยู่
ส่วน พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ถือเป็นพระนักเทศน์อีก 1 รูปที่ใช้สื่อออนไลน์ใสการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และก็เป็นพระสงฆ์ที่ถูกพิพากวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการเทศน์เสียดสีถึงบุคคลมีชื่อเสียงในประเทศ โดยผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปหา พระมหาสมปอง แต่เนื่องจากท่านติดสอนธรรมเทศนาที่ จ.ชัยภูมิ และยังไม่สามารถออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องกฎระเบียบ 9 ข้อของมหาเถรสมาคมได้ เนื่องจากที่ผ่านมา พระมหาสมปอง ถูกพระผู้ใหญ่ตำหนิถึงความเหมาะสมในการเสียดสีในเรื่องทางสังคม ซึ่งจากการสอบถามผ่านบุคคลใกล้ชิดของ พระมหาสมปอง ยืนยันว่า พระมหาสมปองไม่ได้เป็นผู้ทำสื่อออนไลน์ อย่างเว็ปไซต์ “ธรรมมะเดลิเวอรี่” หรือยุ่งเกี่ยวกับสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งทุกอย่างถูกจัดทำผ่านทีมงานของ พระมหาสมปอง ทั้งสิ้น