ชาวมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ มีมติ ขอ ป.ป.ช.ทบทวนประกาศยื่นทรัพย์สิน ในส่วนนายกสภา-กรรมการสภา ระบุไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง การยื่นบัญชีแม้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่หากยื่นผิดพลาด แม้ไม่มีเจตนาก็ถูกลงโทษ เตรียมทำหนังสือถึง ป.ป.ช.และเข้าหารืออย่างเป็นทางการ
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) และอธิการบดีมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ หรือ ม.นอกระบบ เมื่อวันที่ 7 พ.ย.กรณีประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่อง กําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 ที่ประกาศดังกล่าวกำหนดให้ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังรวมถึง นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภา และอธิการบดี ของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยรัฐ มรภ.มทร. ส่งผลกระทบทำให้กรรมการ นายกสภา หลายคนเริ่มทยอยลาออกว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกัน คือ ที่ประชุมเห็นด้วยในหลักการป้องกันและตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตในภาครัฐ ดังนั้น ผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ อธิการบดี และรองอธิการบดี จึงควรยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ตามที่กำหนดในประกาศ แต่การที่ให้นายก และกรรมการสภา ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับด้านวิชาการเป็นหลัก ไม่ได้มีอำนาจเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐโดยตรง อันจะทำให้เกิดการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ กรรมการสภาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในการบริหาร หรือเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะกำหนดให้กรรมการสภา ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.
“การยื่นบัญชีทรัพย์สินแม้ว่าจะเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อธรรมาภิบาล แต่ก็เป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้ที่ต้องยื่นทรัพย์สินมากเกินควร รวมทั้งต้องยื่นทรัพย์สินของคู่สมรสและบุตรด้วย ขณะเดียวกัน ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศเพียง 60 วัน ไม่เพียงพอต่อการยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ถูกต้องและครบถ้วนได้ ดังนั้น หากยื่นบัญชีผิดพลาด แม้ไม่ได้เจตนาก็อาจมีโทษทางอาญาและถูกศาลพิพากษาจำคุกได้ จึงได้มีนายก และกรรมการสภาบางแห่ง ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งแล้ว ส่งผลกระทบให้สภา มีกรรมการสภา ไม่ครบองค์ประชุม ได้ส่งผลเสียต่อการบริหารงานในมหาวิทยาลัย และนิสิต นักศึกษา
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า อธิการบดี ผู้แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยทุกกลุ่มมาหารือ และมีมติร่วมกันเสนอให้ ป.ป.ช.พิจารณาทบทวนประกาศดังกล่าวให้มีความเหมาะสมกับการบริหารงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งในส่วนของอธิการบดี รองอธิการบดี ชัดเจนเราเห็นด้วยที่ต้องยื่นทรัพย์สิน ไม่มีปัญหา แต่ส่วนของกรรมการสภา ซี่งทำหน้าที่ทางวิชาการเป็นหลักและไม่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโดยตรง จึงอยากให้ทบทวน จากนี้จะทำหนังสือถึง ป.ป.ช.และเตรียมจะเข้าไปหารือกับประธาน ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการต่อไป” ประธาน ทปอ. กล่าว