ยังไงก็ผิด! ยึดกล้วยไม้หลายสายพันธุ์มากกว่า 6 พันต้น พยายามลักลอบส่งออกนอกประเทศข้ามด่านศุลกากรหนองคาย ก่อนนำไปตรวจสอบสายพันธุ์ หากเป็นกล้วยไม้ป่า มีความผิดตามบัญชีไซเตส แต่หากเป็นกล้วยไม้เลี้ยง หรือลูกผสมส่งออกได้ แต่ต้องขออนุญาต
กล้วยไม้หลากหลายสายพันธุ์ จำนวน 6,611 ต้น พร้อมด้วยฮอร์โมนบำรุงดอก 50 ชุด มูลค่าทั้งหมดประมาณ 6 แสนบาท ที่นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากร ,เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่5 ประจำสำนักงานสนับสนุนการป้องกันปราบปรามที่2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) (สปป.2) และด่านตรวจพืชหนองคาย ตรวจยึดได้ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติบริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่1 อำเภอเมืองหนองคาย ได้พบลังกระดาษจำนวนมากวางปะปนอยู่กับกล่องสินค้าอุปโภคบริโภคในรถโดยสารข้ามสะพานที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ
จากการสอบถามไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงตรวจสอบพบว่า เป็นกล้วยไม้หลายสายพันธุ์ แยกเป็นสายพันธุ์แวนด้า 2,935 ต้น ,สายพันธุ์หวาย 1,450 ต้น ,สายพันธุ์แกรมมาโต 300 ต้น ,สายพันธุ์แปรงสีฟัน หรือสายพันธุ์ช้างปรับปรุงสายพันธุ์ 1,135 ต้น นอกจากนี้ยังมีต้นพันธุ์ทับทิม 161 ต้น และต้นพันธุ์ลำไย 31 ต้น
โดยนายนิมิตร กล่าวว่า สำหรับการส่งออกกล้วยไม้สามารถกระทำได้ แต่ต้องเป็นกล้วยไม้เลี้ยง และต้องขออนุญาตส่งออกกับเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในกรณีนี้เป็นการลักลอบส่งออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ซึ่งจะต้องตรวจพิสูจน์ว่า เป็นกล้วยไม้ประเภทใดบ้าง หากเป็นกล้วยไม้ป่า ก็เป็นการกระทำผิดตามบัญชีไซเตส ต้องส่งมอบให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไปดำเนินการ แต่หากเป็นกล้วยไม้เลี้ยง หรือกล้วยไม้ลูกผสม คือการนำกล้วยไม้ป่ามาเลี้ยงจนกลายเป็นพันธุ์เป็นกล้วยไม้เลี้ยง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะต้องยึดกล้วยไม้จำนวนดังกล่าวไว้ ก่อนจะนำไปประมูลต่อเมื่อคดีสิ้นสุด เพื่อนำเงินเข้าประเทศ ส่วนต้นพันธุ์ลำไย ที่ตรวจยึดได้นั้น เป็นการดำเนินการตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดชนิด และชื่อพันธุ์ของพืชให้เป็นพืชสงวน ตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 ซึ่งลำไย เป็นพืชสงวนตามบัญชีดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ขยายพันธุ์ในต่างประเทศ กลายเป็นคู่แข่งกับผลไม้ในไทย