ยังไม่สิ้นหวังหลังทีมสำรวจได้ยินเสียงแล้ว นกแต้วแล้วท้องดำ เชื่อยังไม่สูญพันธุ์จากป่าเมืองไทย ยันยังคงอาศัยเขตที่ราบต่ำเขานอจูจี้ในพื้นที่ 2 จุดใหญ่
เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ได้ยินเสียง นกแต้วแล้วท้องดำ หลังจากเฝ้ารอมานานนับปี ถึงแม้ว่าจะได้ยินแค่เสียงร้อง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดกำลังใจอย่างมากกับกลุ่มนักวิจัย ที่จะทำงานด้านนี้ต่อไป
โดยนายธัญญา เนติธรรมกุล กุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้คุยกับสำนักวิจัยสัตว์ป่าตั้งแต่ต้นปี 2560 ว่า ต้องหานกแต้วแล้วท้องดำในป่าให้เจอ เพราะจากข้อมูลที่ได้รับมาเชื่อมั่นว่ายังคงมีอยู่ในป่าเขาประ-บางคราม ไม่หายไปไหนและยังไม่สูญพันธ์อย่างแน่นอน นอกจากจะต้องทำทุกอย่างที่เป็นบ้านของนกให้กลับคืนมา คือ พื้นที่ป่าสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เพื่อเพื่อให้นกกลับมาให้มากที่สุด
ด้าน นางสาวสมหญิง ทัฬหิกรณ์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าทีมวิจัยและสำรวจประชากรนกแต้วแล้วท้องดำ กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า ซึ่งพยายามติดตามประชากรนกแต้วแล้วท้องดำซึ่งถือเป็นสัตว์มีปีกตัวน้อยที่มีลักษณะซึ่งมิที่มีสถานะใกล้สูญพันธุ์เต็มทีในประเทศไทยโดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแทบจะไม่มีใครได้พบเห็นนกชนิดนี้เลยแต่ก็ไม่มีใครหมดหวังทุกคนยังคงมีความเชื่อว่าประเทศไทยยังมีนกชนิดนี้อาศัยอยู่
หัวหน้าทีมวิจัยและสำรวจประชากรนกแต้วแล้วท้องดำ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 – 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่าได้อบรมเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติจำนวน 54 คน สำหรับใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูล เพื่อตามหานกแต้วแล้วท้องดำ และจะออกสำรวจแบบสแกนพื้นที่ทุกตารางนิ้วภายในเขตป่าที่ราบต่ำรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม โดยโฟกัสพื้นที่ 32 ตารางกิโลเมตร
“โดยได้แบ่งทีมสำรวจออกเป็น 24 ทีมปรากฏว่าทีมที่เดินไปบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่า 100 ชั้นพันวัง สามารถบันทึกเสียงนกแต้วแล้วตัวผู้ได้ ที่ในใจมากกว่าเป็นเสียงนกแต้วแล้วท้องดำตัวผู้ เพราะเราใช้วิธีเปิดเสียงนกแต้วแล้วท้องดำตัวเมีย ตัวผู้ได้ยินมันก็จะส่งเสียงร้องกลับมา คนที่ได้ยินเสียงคนแรกนั้นตื่นเต้นมากและพวกเราก็ดีใจกันเป็นที่สุดแม้ไม่ได้เจอตัว แต่อย่างน้อยเราก็ได้ยินเสียงแล้วนกแต้วแล้วท้องดำยังคงมีที่อยู่ในป่าประเทศไทย”
และนอกเหนือจากนกแต้วแล้วท้องดำแล้ว ทีมสำรวจยังได้ยินเสียงนกแต้วแล้วลาย ในพื้นที่เดียวกันถึง 6 จุด ซึ่งเป็นอีกชนิดหนึ่งที่หาค่อนข้างยากพอกับนกแต้วแล้วท้องดำ แต่นกแต้วแล้วลายนั้นสามารถปรับตัวได้เก่งกว่านกแต้วแล้วท้องดำ จึงหาง่ายกว่า โดยขณะนี้ทีมสำรวจออกจากพื้นที่ไปแล้วยังเหลืออีก 6 คน ยังคงเก็บข้อมูลเข้มข้นในป่าต่อไป ทั้งนี้นกจะมีการจับคู่ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม จะสร้างรัง และวางไข่ต่อไป
ปัจจุบันนกแต้วแล้วท้องดำในประเทศไทยน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะในปี 2529 เคยพบ 44-45 คู่ แต่ในปั 2540 เหลือเพียง 9 คู่ ซึ่งในปัจจุบันไม่มีใครพบเห็นนกแต้งแล้วท้องดำ 2-3 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งใน 15 สัตว์ป่าสงวนของไทย ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ไอยูซีเอ็น) เคยประเมินสภาพไว้ว่า ใกล้สูญพันธุ์ แต่จากการสำรวจประชากรของนกชนิดนี้ในพม่ามากขึ้น ในปี 2561 จึงปรับสภาพให้ดีเป็นใกล้สูญพันธุ์