เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (5 พ.ค.60) เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารบก นำราชรถปืนใหญ่องค์จริงทั้งส่วนหน้าและส่วนหลัง ที่ใช้ในการอัญเชิญพระโกศพระบรมศพในริ้วขบวนพระราชอิสริยยศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเก็บที่โรงราชรถ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อจัดทำลวดลายศิลปกรรม และประณีตศิลป์ประดับลวดลายองค์ราชรถโดยได้มีการศึกษามาจากงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมัยรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 8 มาเป็นต้นแบบ เพื่อให้ราชรถปืนใหญ่มีความสวยงามสมพระเกียรติ กำหนดแล้วเสร็จช่วงต้นเดือนกันยายน เพื่อเตรียมการสำหรับการซักซ้อมที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือน ต.ค. นี้
ทั้งนี้ เมื่อการดำเนินงานบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ และประดับตกแต่งลวดลายด้านศิลปกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางสรรพาวุธจะเข้ามาประกอบช่วงล่างขององค์ราชรถทั้งหมด จากนั้นจะมีการจัดพิธีบวงสรวงองค์ราชรถก่อนที่จะมีอัญเชิญองค์ราชรถมาซักซ้อม และพร้อมสำหรับงานพระราชพิธีอย่างสง่างามสมพระเกียรติ
สำหรับกรมสรรพาวุธทหารบก ได้รับมอบหมายให้จัดสร้างในส่วนโครงสร้าง แบ่งเป็นการสร้างราชรถปืนใหญ่ส่วนหลัง และส่วนหน้า ซึ่งการจัดสร้างดำเนินการทั้งที่ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพวุธ ปทุมธานี และที่กองโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งดำเนินการนับตั้งแต่กลางเดือนมกราคมจนแล้วเสร็จ สำหรับราชรถปืนใหญ่ กรมสรรพาวุธทหารบก จัดสร้างขึ้นตามรูปแบบโบราณราชประเพณีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ประกอบด้วยราชรถส่วนหน้าสำหรับหีบบรรจุกระสุนและราชรถส่วนหลังสำหรับประดิษฐานพระบรมโกศขณะเคลื่อนรอบพระเมรุมาศ ในครั้งนี้ราชรถปืนใหญ่จัดสร้างขึ้น 3 องค์ ประกอบด้วย ราชรถปืนใหญ่ต้นแบบ ซึ่งใช้ในการฝึกซ้อม , ราชรถปืนใหญ่สำรอง มีรูปแบบเหมือนองค์จริง ใช้เป็นองค์สำรอง และราชรถปืนใหญ่ที่ใช้ในพระราชพิธีฯ
สำหรับราชรถปืนใหญ่ทั้ง 3 องค์ ได้ถอดแบบมาจากปืนใหญ่ภูเขา 51 ซึ่งประจำการในกองทัพบกมาตั้งแต่สมัย ร.6 โดยทางกรมสรรพาวุธทหารบกได้คัดเลือกปืนใหญ่ที่สมบูรณ์ที่สุดมาเพียง 3 กระบอก ถอดเอาปืนใหญ่ออกให้เหลือเพียงโครงสร้างหลักที่ใช้ทำราชรถ และ “ราชรถปืนใหญ่” ในพระราชพิธีครั้งนี้ มีส่วนประกอบเพิ่มเติม เพื่อความราบรื่นในงานพระราชพิธี คือล้อที่ 3 ที่สามารถพับเก็บได้และมือจับประคองราชรถปืนใหญ่ส่วนหลังที่ประดิษฐานพระบรมโกศขณะฉุดชักราชรถ
สำหรับศิลปกรรมที่จะมาประดับโครงสร้างราชรถ ในส่วนที่เป็นโครงสร้างไม้ ราชรถปืนใหญ่ส่วนหลัง แบ่งเป็นส่วนฐานใช้ลายบัวปากฐาน และ ขาสิงห์ และส่วนแคร่งอนด้านหน้า จะแกะเป็นรูปหัวพญานาค 6 องค์ และหางที่ด้านหลัง นอกจากนี้ ยังมีส่วนประกอบอื่นที่จะมาประดับเพื่อมาช่วยส่งเสริมให้ราชรถปืนใหญ่มีความงดงาม ส่วนลวดลายประดับตัวถังราชรถนั้น จะใช้ลายกระจังเรียงไปตามโครงสร้างของรถที่มีลักษณะเป็นแนวนอน ในส่วนของล้อราชรถ จะมีการประดับลายกระจังไปจากดุมล้อตรงกลางไปตามซี่ล้อทั้ง 12 ซี่ ขณะที่วงล้อราชรถจะมีการเดินเส้นสีทองโดยรอบ ซึ่งช่างจะแกะสลักลายกลีบบัว ขาสิงห์ ที่บริเวณส่วนฐานเมื่อดำเนินการแล้วจะการลงรัก ปิดทอง ประดับกระจก โดยส่วนของขาสิงห์จะปิดทองทึบ แสดงถึงฐานานุศักดิ์ เช่นเดียวกับฐานสิงห์ที่ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ ส่วนการใช้บัว มารองรับ ปรากฏในความเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ซึ่งเปรียบในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์ รวมถึงการแกะสลักแคร่เป็นหัวพญานาค เป็นความเชื่อตามคติพราหมณ์ และพุทธ ที่เปรียบพระมหากษัตริย์เสมือนสมมติเทพ ในการเคลื่อนราชรถอัญเชิญพระโกศทองใหญ่ก็จะมีนาครองรับ และเคลื่อนเหมือนพระองค์ผ่านสู่ความเป็นมนุษย์กลับขึ้นสู่สวรรค์