รวบคากุฏิ! ตำรวจกองปราบบุกรวบเจ้าอาวาสวัดดังเพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และยังเป็นพระสงฆ์หนึ่งในสี่รูป ที่มีเอี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด
ตำรวจกองบังคับการกองปราบปราม4 ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. กว่า 30 นาย นำหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพ บุกเข้าจับกุมตัวพระครูกิตติพัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ ขันทอง เจ้าอาวาสวัดลาดแค อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอชนแดน ในข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา279 และเป็นพระสงฆ์หนึ่งในสี่รูป ที่มีเอี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด ทั้งนี้เหตุที่ศาลออกหมายจับเนื่องจากเกรงว่าพระครูกิตติพัชรคุณ จะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวตัวไปยังกองกำกับการ4 กองบังคับการปราบปราม กรุงเทพฯ เพื่อนิมนต์ให้ลาสิกขา และสอบสวนเพิ่มเติม
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจค้นภายในกุฏิของพระครูกิตติพัชรคุณ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ในส่วนที่พักของนายพรประวิตร ฤทธาเทวา ลูกศิษย์คนใกล้ชิดที่ปลูกอยู่ใกล้กันพบซองปืน 4 ซอง แม็กกาซีน 2 แม็ก กระสุนปืนกว่า 50 นัด จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อหามีกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จากนั้นนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรดงขุย
โดยพันตำรวจโท แมน เม่นแย้ม รองผู้กำกับการ4 กองปราบปราม กล่าวว่า กองปราบปรามได้รับการร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากลของพระครูกิตติพัชรคุณ ในเรื่องการบริหารวัดรวมทั้งพฤติกรรมในด้านชู้สาว ซึ่งหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน พลตำรวจโท ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงได้สั่งการให้กองกำกับการ4 ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ซึ่งพบว่ามีมูล จึงได้สอบสวน และรวมรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอหมายจับจากศาลอาญา จนนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
ด้าน พันตำรวจโท เพชรชุมพร ศรีวะรมย์ รองผู้กำกับการ4 บก.ปปป. กล่าวว่า หลังจากที่ ปปง.มาร้องทุกข์กล่าวโทษพระครูกิตติพัชคุณ ถึงกรณีการดำเนินคดีเกี่ยวกับคดีทุจริตเงินทอนวัด จึงได้สืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงิน จึงเชื่อว่าลูกศิษย์ และคนใกล้ชิดบางคนมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้มาเชิญตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมทั้งสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินของพระครูกิตติพัชรคุณ หากมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที และจะขอนิมนต์ให้ลาสิกขา เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่พระครูกิตติพัชคุณ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตนไปกระทำอนาจารกับเด็กผู้หญิง ซึ่งไม่รู้เรื่องนี้เลย รวมทั้งชาวบ้านก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนผู้ที่ไปร้องเรียนนั้น เป็นการกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้าม เพราะไม่ถูกกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่น่าจะมาสอบถามก่อนว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งก็เชื่อในความยุติธรรมและความถูกต้อง