สปป.ลาวรวบไอ้หื่นปุ้มปุ้ยบุกข่มขืนผู้ช่วยเหลือคนไข้คา รพ.หนองคาย พร้อมประสานส่งตัวกลับไทย ด้าน ตม.หนองคายรุดรับตัวสอบ ก่อนคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เจ้าหน้าที่ สปป.ลาว จับกุมนายปุ้มปุ้ย เกษานุช อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดีข่มขืนผู้ช่วยเหลือคนไข้ รพ.หนองคาย หลังหนีกบดานไปในอยู่ในประเทศลาว โดยได้ส่งตัวมาให้ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย โดยพลตำรวจตรีไพศาล ลือสมบูรณ์ ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้เดินทางไปรับตัวมาสอบสวนก่อนจะคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่โรงพยาบาลหนองคาย
สำหรับนายปุ้มปุ้ย ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เอ นามสมมติ อายุ 25 ปี ผู้ช่วยเหลือคนไข้ที่โรงพยาบาลหนองคาย ซึ่งกล้องวงจรปิดภายในโรงพยาบาลสามารถบันทึกภาพไว้ได้ ว่านายปุ้มปุ้ยได้ สวมกางเกงขาสั้น เสื้อคลุมสีเทา รองเท้าแตะ สะพายเป้สีดำ ใช้หน้ากากอนามัยปิดหน้า พกมีดเหน็บที่ขอบกางเกง เดินเข้ามาภายในตึกผู้ป่วยพิเศษ ช่วงเวลาประมาณ 19.59 น. แต่ระบบของโรงพยาบาลจะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าอาคารหลัง 20.00 น. และในส่วนของเจ้าหน้าที่จะใช้ระบบคีย์การ์ดเข้าออก เมื่อคนร้ายได้เข้าไปในอาคารผู้ป่วยพิเศษและพยายามจะเข้าไปในส่วนปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มีพยาบาลคนหนึ่งเห็นท่าทางไม่ค่อยดี จึงได้ล็อคประตูห้องไม่ให้คนร้ายเข้าไป พร้อมทั้งสอบถามว่ามาเยี่ยมใคร คนร้ายมีท่าทีลุกลี้ลุกลนบอกว่าจะมาเยี่ยมญาติ พยาบาลสังเกตเห็นมีดที่เหน็บอยู่ จึงไม่อนุญาตให้เข้ามา พร้อมแจ้งให้ รปภ.ทราบ แต่ระหว่างที่ รปภ.กำลังจะเข้าไปเชิญตัวออกมา คนร้ายรีบวิ่งลงบันไดตึกไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน น.ส.เอ ได้เดินไปรับผ้าปูเตียงเพื่อมาเปลี่ยนที่เตียงคนไข้ ด้านคนร้ายได้ใช้มีดข่มขู่บังคับกระชากตัว น.ส.เอ พาไปยังซอกตึก พยายามจะข่มขืน แต่ น.ส.เอ ต่อสู้ขัดขืนถูกชกเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง จนฟันหัก 2 ซี่ เกือบหมดสติ คนร้ายได้ลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นคนร้ายได้เดินออกมาจากซอกตึก รปภ. ที่ออกตามหามาเจอ ก็ได้ต่อสู้กับคนร้ายแต่จับตัวไว้ไม่ได้ และคนร้ายได้กระโดดปีนรั้วด้านหลังโรงพยาบาลหลบหนีไป
ด้าน พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส ผกก.สภ.เมืองหนองคาย ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่าก่อนเกิดเหตุ ชายต้องสงสัยตรงตามภาพของโรงพยาบาล ได้ไปที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งเพื่อไปซื้อการบูร แล้วเอามาทาอวัยวะเพศของตัวเองพร้อมกับพูดว่า “เงี่ยน” อยู่หน้าร้าน จากนั้นไม่นานก็ได้รับแจ้งเหตุ และจากการสืบสวนของตำรวจ มั่นใจว่าคนร้ายคือ นายปุ้มปุ้ย ซึ่งมีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ติดคุก 1 ปี เมื่อปี 2558 จากนั้นเมื่อ พ.ค.2560 ได้ก่อเหตุข่มขืนหญิงคนหนึ่ง อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม และมาก่อเหตุซ้ำในครั้งนี้ โดยคนร้ายมีลักษณะคล้ายคนมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งได้ออกหมายจับข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
จากนั้น พ.ต.ท.สุริยา บุญสิทธิ์ สารวัตรสืบสวน สภ.เวียงคุก ปฏิบัติราชการกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ได้เดินทางข้ามไปยัง สปป.ลาว เพื่อประสานกับเจ้าหน้าที่ของ สปป.ลาว ให้ช่วยติดตามค้นหา เนื่องจากการข่าวพบว่านายปุ้มปุ้ยได้หลบหนีไปซ่อนตัวที่ประเทศลาว เนื่องจากมีพ่ออยู่ที่นั้น ประกอบกับมีคนแจ้งว่านายปุ้มปุ้ย ได้ขโมยสกู๊ตเตอร์ที่ชมรมสกู๊ตเตอร์จอดไว้ที่ท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง พร้อมสอบถามนายนิพนธ์ พลวิเศษ เจ้าของสกู๊ตเตอร์และผู้ดูแลของชมรมสกู๊ตเตอร์ ทราบว่า ช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา มีชาวประมงมาหาและบอกถามว่ามีสกู๊ตเตอร์หายไปรึไม่ เนื่องจากขณะที่ไปหาปลากลางแม่น้ำโขง เห็นสกู๊ตเตอร์จอดเกยฝั่งที่น้ำโขงฝั่งลาว ตนจึงได้ไปตรวจสอบพบว่าสกู๊ตเตอร์ 1 คัน และเสื้อชูชีพ 1 ตัว หายไปจริง จึงได้ไปติดต่อรับกลับคืนมาและมั่นใจว่าจะเป็นนายปุ้มปุ้ยขโมยไป เพราะปกตินายปุ้มปุ้ยจะชอบมานอนเล่นที่วัดศรีบุญเรืองแล้วเห็นพวกตนเล่นสกู๊ตเตอร์บ่อยครั้ง บางครั้งก็จะมานั่งตกปลาที่แพ พวกตนก็จะให้ช่วยเข็นเรือออกให้บางครั้งเพราะเป็นคนตัวใหญ่ แรงเยอะ คาดว่านายปุ้มปุ้ยจะแอบตัดเชือกที่มัดสกู๊ตเตอร์ออกแล้วสวมชูชีพใช้ไม้พายเรือ พายเรือข้ามแม่น้ำโขงไปหาพ่อที่ประเทศเพื่อนบ้าน จนในที่สุดเวลา 16.00 น.เจ้าหน้าที่ สปป.ลาวได้ประสานมายัง ตม.หนองคายว่าสามารถจับกุมนายปุ้มปุ้ยได้แล้วและได้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
ส่วนนางสาวเอ ที่ถูกระทำชำเรานั้นขณะนี้อยู่ระหว่างรักษาตัวที่ รพ.หนองคาย โดยนายแพทย์ศุภชัย จรรยาผดุงพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองคาย กล่าวว่า ตอนนี้ต้องดูแลเรื่องบาดแผล และเรื่องจิตใจ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้มีงบประมาณ มีระบบดูแลการรักษาย่างเต็มที่