จากกรณีของเหมืองแร่ทองคำอัครา รีซอร์สเซส ถึงแม้จะถูก ม.44 ให้ปิดกิจการมาตั้งแต่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่คดีความที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในชั้นศาลอีกหลายคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดพิจิตรเป็นโจทก์ และคนขับรถขนสินแร่ ของเหมืองทองอัครา เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง สุดท้าย ชาวบ้านหูเบากับเหมืองทองอัคราที่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลไม่สนกฎหมาย พากันเดินคอตกขึ้นศาลโทษฐานผิด พ.ร.บ.การชุมนุม
นางสาวธัญญารัศมิ์ สินทรธรรมทัช หรือ นางสาวสื่อกัญญา ธีระชาติดำรง เป็นจำเลยในคดีพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะความผิดต่อเสรีภาพ นำชาวบ้านที่ร่วมชุมนุมสาธารณะ บนถนนสายหนองขนาก-ท้ายดง จำนวน 27 คน มาขึ้นศาล หลังจากร่วมกันปิดถนนคัดค้านหรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ บริษัทอัครา รีซอร์สเซส ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำอันเป็นการชุมนุม โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยนางสาวธัญญารัศมิ์ ไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะ โดยปล่อยให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมปิดถนน ทำให้เกิดการขัดขวางต่อประชาชนที่จะใช้ถนน อีกทั้งผู้ร่วมชุมนุมปิดบังหรืออำพรางตน โดยใช้ผ้าและหมวกมาปิดบังใบหน้า โดยจงใจมิให้มีการระบุตัวบุคคลได้ถูกต้องอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน ซึ่งมีตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปได้ร่วมกันกระทำการในลักษณะข่มขืนใจให้ นายแอ็ด คงคา ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกสินแร่ โดยใช้เส้นทางดังกล่าว โดยผู้ชุมนุมปิดกั้นถนนให้หยุดรถไม่ให้รถขนแร่ผ่าน จนผู้เสียหายจำใจต้องหยุดรถ ร่วมกันปิดล้อมรถบรรทุก ข่มขู่และใช้กำลังประทุษร้าย โดยทุบรถยนต์บรรทุกเพื่อบังคับให้ผู้เสียหายลงมาจากรถ ทำให้ นายแอ็ด คนขับรถบรรทุก ซึ่งเป็นผู้เสียหายเกิดความวิตกหวาดกลัวกับอันตรายจากผู้ชุมนุม ซึ่งผลจากการกระทำดังกล่าวของกลุ่มผู้ชุมนุมมีความผิดตามประมวลอาญาหลายข้อหาหลายกรรมที่ต่างกัน เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 59
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 27 คน เป็นชาวบ้านในชุมชนที่อ้างว่า ได้รับผลกระทบจากากรทำเหมืองแร่ทองคำ จึงรวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน แต่มิได้เกิดเหตุการณ์รุมแรง หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการ อีกทั้งโจทก์ร่วม ซึ่งเป็นผู้เสียหายก็ไม่ติดใจในการดำเนินคดีต่อจำเลยทั้ง 27 คน ทั้งในทางแพ่ง และอาญา เนื่องจากจำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ อีกทั้งจำเลยก่อเหตุครั้งแรก และรู้สำนึกในการกระทำผิด ศาลจึงอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา พิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยทั้ง 27 คนไว้ โดยมีกำหนด 1 ปี
สำหรับการรอกำหนดโทษ จำเลยทั้ง 27 คนนี้ หากจำเลยทั้ง 27 คน ไปกระทำการใดๆที่มีความผิดอาญาตามกฎหมายไม่ว่าความผิดใดๆ ภายในกำหนด 1 ปี และความผิดที่ไปกระทำนั้น จนต้องขึ้นศาล ก็จะถูกหยิบยกคำพิพากษาที่เคย “รอการกำหนดโทษ” ในความผิด พรบ.การชุมนุม มาพิจารณาร่วมด้วย จึงขอเตือนสติว่า อย่าใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล โดยขอให้ยึดความจริงและความถูกต้องและอยู่ภายใต้กฎหมาย ทั้งนี้เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง