รองเจ้าอาวาสโหดขวานสับหนุ่มใหญ่ฝังดินโบกปูนทับในวัด

ตำรวจเร่งล่าตัวรองเจ้าอาวาสวัดดังเมาโหด ใช้ขวานสับหนุ่มใหญ่ดับ แค้นมาทวงค่าไก่ชน ก่อนบังคับให้ลูกศิษย์วัด 2 คน และเณร ขุดหลุมฝัง ก่อนนำลูกรังถม โปกปูนทับอีกที ญาติแจ้งตำรวจตามหาคนหาย เลยเผ่นหนีกับลูกศิษย์ 1 คน ก่อนเณรจะเปิดปากบอกตำรวจกันเป็นพยาน

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 23 ตุลาคม ร.ต.อ.กิตติกวินท์ อุมาฐิติพงศ์ รอง สว.สอบสวน สภ.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุคนถูกฆ่าฝังดิน ภายในวัดศรีบุญเรือง หมู่ 13 บ้านหนองแคน ต.โนนสูง หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ออกไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.วีระพล มูลบัวภา สว.สส.สภ.โนนสูง พ.ต.ต.อรรคพล  ยี่เกาะ สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม

ที่เกิดเหตุเป็นที่ว่างหลังวัด มีการนำหินลูกรังมาถมและเทปูนกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร โดย ด.ช.เอ นามสมมติ อายุ 11 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ที่ใต้ลานปูนที่เพิ่งเทใหม่ เป็นจุดฝังศพของ นายวิชาญ พรหมมินทร์ อายุ 44 ปี อยู่ที่ 184 หมู่ 5 บ้านหนองโศกดาว ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ส่วนผู้ลงมือก่อเหตุ คือ พระสงกรานต์ สินไชย อายุ 41 ปี รองเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง อยู่ที่ 30 หมู่ 8 ต.เก่ากลอย อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งได้หลบหนีไปแล้ว โดยพระสงกรานต์ฯ ใช้ขวานสับคอ หัว และใบหน้าของนายวิชาญฯ จนเสียชีวิต เพราะว่าทั้ง 2 มีปากเสียงทะเลาะกัน ก่อนจะทำร้ายร่างกาย

จากนั้นพระสงกรานต์ฯ ได้เรียกให้ลูกศิษย์อายุ 15 ปี 2 คน มาช่วยรุมทำร้ายจนนายวิชาญฯ สลบ แล้วพระสงกรานต์ฯ ได้ใช้ขวานสับที่ตัวนายวิชาญฯ หลายแห่งจนเสียชีวิต จึงนำร่างมาฝัง และได้สั่งดินลูกรังมากลบ และเทปูนโปกทับอีกที เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้ให้คนงานตัด เจาะ และขุดแผ่นปูนออก และพบศพนายวิชาญฯ ถูกฝังเสียชีวิตอืดส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ

โดยก่อนหน้า เมื่อเย็นวันที่ 21 ตุลาคม พ.ต.ท.ณัฐกานต์ วรรณพันธ์ สว.สอบสวน สภ.โนนสูง ได้รับแจ้งจากนายเฉลิมพล พรหมมินทร์ อายุ 41 ปี อยู่ที่ 184 หมู่ 5 บ้านหนองโศกดาว ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่า นายวิชาญ พรหมมินทร์ อายุ 44 ปี พี่ชาย ซึ่งเป็นโสด มีอาชีพเลี้ยงวัวประมาณ  30 ตัว ได้หายตัวจากบ้านไปตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม โดยพบครั้งสุดท้ายเมื่อวันเย็นวันที่ 20 ตุลาคม ที่บ้านงานศพภายในหมู่บ้าน โดยพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายจอดทิ้งไว้ แต่ไม่พบคน ซึ่งปกติผู้ตายจะชอบดื่มเหล้า หากมีอาการมึนเมาก็จะกลับบ้านนอน แต่ก่อนจะหายตัวไป ทราบว่าไปมีเรื่องทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน จึงเกรงว่าผู้ตายจะมีอันตราย ญาติจึงได้ออกตามหา แต่ก็ไม่พบ จึงมาแจ้งตำรวจ

หลังได้รับแจ้ง พ.ต.ท.วีระพล มูลบัวภา สว.สส.สภ.โนนสูง และ ร.ต.อ.อุดมโชค สิงหศิริกุล  รอง สว.สส.สภ.โนนสูง ได้นำกำลังตำรวจออกสืบสวน จนพบ ด.ช.เอ นามสมมติ อายุ 11 ปี อดีตเณรวัดศรีบุญเรือง เดินมาแจ้งว่า เป็นผู้เห็นเหตุการณ์พระสงกรานต์ฯ ฆ่านายวิชาญฯ แล้วนำศพไปฝังดิน โดย ด.ช.เอ บอกว่า ช่วงหัวค่ำวันที่ 20 ตุลาคม ขณะที่พระสงกรานต์” กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่บนกุฏิ กับ นายบี และนายซี นามสมมติ อายุ 15 ปี ชาวบ้านบ้านหนองแคน ส่วนตนขณะนั้นบวชเป็นเณร นั่งเล่นเกมอยู่ในห้องบนกุฏิ ต่อมาเห็นผู้ตายที่อาการมึนเมาขึ้นมาบนกุฏิของพระสงกรานต์ฯ แล้วออกปากทวงค่าไก่ชนที่พระสงกรานต์ฯติดค้าง ทำให้พระสงกรานต์ฯไม่พอใจและไล่ผู้ตายลงไปจากกุฏิ

ด.ช.เอ เล่าอีกว่า แต่ผู้ตายไม่ยอมลงจากกุฏิ ยังคงทวงเงินค่าไก่ชน ทำให้พระสงกรานต์ฯโมโหไม่พอใจ และชกผู้ตายล้มลง ก่อนจะสั่งให้นายบี และนายซี มาช่วยกันรุมทำร้าย จนผู้ตายสลบหมดสติ แล้วพระสงกรานต์ฯ ได้สั่งให้นายบี ไปเอาขวานในกุฏิมาให้ จากนั้นก๋กระหน่ำฟันคอ ฟันหัว และฟันหน้าผู้ตายหลายครั้งจนเสียชีวิตจมกองเลือด พระสงกรานต์ฯได้สั่งให้ตน และนายเอ นายบี ไปขุดหลุมฝังผู้ตายที่ลานว่างหลังวัด พวกตนได้ช่วยกันขุดลึกประมาณ 80 ซม พระสงกรานต์ฯ ได้อุ้มศพผู้ตายลงมาจากกุฎิ ก่อนจะสั่งให้พวกตนหามศพช่วยไปฝัง ซึ่งเลือดผู้ตายได้เปื้อนจีวรของพระสงกรานต์ฯ และของตน

เมื่อนำศพไปทิ้งลงหลุมแล้ว พระสงกรานต์ฯและตนได้ถอดจีวรทิ้งในลงหลุมศพ ส่วนนายเอ ได้ถอดกางเกงขาสั้นทิ้งลงไปด้วย ก่อนนำต้นกล้วยมาทับ และกลบฝัง เสร็จแล้วได้เดินกลับมาที่กุฎิ พระสงกรานต์ฯ สั่งให้พวกตนล้างคราบเลือดบนกุฏิให้หมด และขู่พวกตนว่าห้ามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง ให้เก็บเป็นความลับ ถ้าไม่เชื่อจะฆ่าฝังดินอีกเหมือนกับนายวิชาญฯ  ก่อนที่พระสงกรานต์ฯ จะเข้าไปนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอรุ่งเช้า หลังฉันอาหารเสร็จ ตนจึงขออนุญาตพ่อและแม่ลาสึก กลับไปอยู่บ้าน และมาทราบว่าญาติผู้ตายได้ไปแจ้งความคนหาย และตำรวจได้ติดตามหา ตนจึงได้เล่าให้พี่ชายฟัง พี่ชายจึงให้ตนมาบอกตำรวจ

 พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังทราบว่านายวิชาญฯ ถูกพระสงกรานต์ฯ ฆ่าฝังดิน ตำรวจจึงนำกำลังไปที่กุฏิพระสงกรานต์ ปรากฏว่าพระสงกรานต์ถอดผ้าเหลืองหลบหนีไปกับนายบี ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว จึงได้ไปนำตัวนายซี ที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบสวน ซึ่งให้การยืนยันเช่นเดียวกับ ด.ช.เอ และนำมาชี้จุดฝังศพ ซึ่งทราบว่า หลังจากนำศพผู้ตายมาฝัง  รุ่งเช้าวันที่ 21 ตุลาคม พระสงกรานต์ฯ ได้สั่งซื้อหินลูกรัง 4 คันรถมาถมทับหลุมศพ และวันที่ 22 ตุลาคม พระสงกรานต์ได้สั่งปูนสำเร็จรูปมาเททับเป็นลานกว้าง 4x6 เมตร โดยให้เหตุผลกับเจ้าอาวาสวัดว่า จะสร้างกุฏิใหม่ แต่พอรู้ว่าตำรวจได้ติดตามหาผู้ตาย พระสงกรานต์ฯ จึงได้หลบหนีไปกับนายบี ซึ่งคาดว่าจะไปที่กรุงเทพฯ

 พล.ต.ต.พีระพงศ์ เปิดเผยต่อว่า จากการสืบสวนเชิงลึก ทราบว่า พระสงกรานต์ หรือนายสงกรานต์ พื้นเพเป็นคนบ้านหนองแคน แต่พ่อแม่ได้ย้ายครอบครัวไปอยู่บ้านโนนสะอาด ต.เก่ากลอย อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ต่อมาพ่อแม่เสียชีวิตนายสงกรานต์ได้บวชหน้าไฟ และไม่สึกอีกเลยรวม 13 พรรษา  กระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน ได้เดินทางมาจำพรรษาที่วัดศรีบุญเรือง บ้านหนองแคน จนได้เป็นรองเจ้าอาวาส แต่มีพฤติกรรมนำเด็กวัยรุ่นมามั่วสุมในกุฏิ  ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ และเสพยาบ้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวาย หรือว่ากล่าวตักเตือน กระทั่งมาก่อเหตุฆ่าฝังดิน ซึ่งตำรวจกัน ด.ช.เอ ไว้เป็นพยาน ส่วนนายเอ และนายบี แจ้งข้อหา “ลอบฝัง  ซ่อนเร้น ย้าย  หรือทำลายศพ”  และจะได้ติดตามนายสงกรานต์มาดำเนินคดี “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา  ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย  หรือทำลายศพ”  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย