รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเบรกแตก พุ่งชนรถจอดติดไฟแดงแยกใหญ่นครปฐม ชนกระแทกรถ ตร.ท่องเที่ยวที่วิ่งนำรถตู้วีไอพีเสียหาย 5 คันรวด สภาพรถพังยับเยิน
เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองนครปฐม เร่งเข้าช่วยเหลือผู้รับบาดเจ็บ บริเวณแยกไฟแดงหนองขาหยั่ง เยื้องกับโรงแรมริเวอร์ ขาเข้า กทม. ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บรรทุกดินมาเต็มคัน จอดอยู่สภาพท้ายรถพัง โดยมีนายมลชัย อาจปักษา อายุ 42 ปี เป็นคนขับ ซึ่งคันที่ 2 เป็นรถเก๋งของตำรวจท่องเที่ยว โดยมี ด.ต.ชำนาญ เรืองเทศ เป็นพลขับ สภาพถูกชนอย่างแรงจนหน้ารถพังเสียหาย ส่วนคันที่ 3 เป็นรถตู้โตโยต้า คอมมิวเตอร์ ที่ประตูมีสติกเกอร์สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม ขับโดย จ.ส.อ.ทวี บางโพ และ พ.ต.ปฐวี ผดุงเกียรติ สภาพรถถูกชนอัดจนหน้ารถยุบ ท้ายรถโด่งเกยขึ้นไปอยู่บนหน้ารถเก๋งตำรวจท่องเที่ยว ทำให้หน้ารถพังยับเยิน โดยมีนายธนัฐตนนท์ โภคทวีธนวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บกระดูกสันหลังแตก ขับรถคู่มากับ พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ สารวัตรท่องเที่ยวประจำจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นอดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย ได้รับบาดเจ็บปากแตก คางแตก ลิ้นฉีก ถูกนำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์
และคันที่ 5 เป็นรถกระบะอีซูซุ 4 ประตู สภาพยุบพังทั้งด้านหน้าและท้ายรถ ขับโดยนายนิติโรจน์ พานิชชัยกุล และน.ส.มิ่งขวัญ เขมาตย์โพธิ์ ด.ช.ณปภัช พานิชชัยกุล ทั้ง 3 คน ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ ส่วนคันสุดท้ายเป็นรถบรรทุกสิบล้อ ซึ่งเป็นรถคันก่อเหตุพุ่งชนรถยนต์ที่จอดติดไฟแดงเสียหาย โดยมี นายมาโนชย์ สวยล้ำ อายุ 29 ปี เป็นคนขับ
จากการสอบถาม จ.ส.อ.ทวี บางโพ พลขับเผยว่า ตนขับตู้กำลังจะเดินทางกลับเข้าสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม โดยมีรถตำรวจท่องเที่ยวนำ 1 คัน และปิดท้าย 1 คัน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถบรรทุกเข้าพุ่งชนอย่างแรงจนรถลอยขึ้นไปเกยกับรถเก๋ง โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่ นายมาโนชย์ คนขับรถบรรทุกคันที่ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนขับรถบรรทุกเนื้อไก่แช่แข็งมาจาก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เพื่อไปส่งที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุตนเห็นว่าไฟเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟแดง เห็นรถหลายคันจอดรอสัญญาณไฟแดง จึงชะลอรถเพื่อเตรียมจอด จึงเหยียบเบรกครั้งแรกเบรกหาย พอเหยียบไปอีกครั้งที่สองก็หายอีก และพยายามจะหักพวงมาลัยหลบก็ไม่ทันแล้วรถได้พุ่งเข้าชนท้ายรถทั้งหมด
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำเพิ่มเติม เบื้องต้นตั้งข้อกล่าวหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย