ระทึก! เฝ้าระวังอาคารเรียนหวั่นน้ำลำห้วยเซาะตลิ่งที่มุกดาหาร

สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ต่างๆ ทั่วไทย โดยเฉพาะทางภาคอีสาน แม้ว่าในช่วงนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเริ่มลดลงบ้างแล้วแต่ยังต้องดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับ 3 เขื่อนใหญ่ใน จ.กาญจนบุรี ตอนนี้ต้องปรับแผนการระบายน้ำเพิ่ม ทำให้บรรดาเขื่อนดังกล่าวไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการโรงแรมพื้นที่ท้ายเขื่อนให้รับมือในช่วงนี้ ส่วนที่ จ.มุกดาหาร อาคารเรียนของนักเรียนตอนนี้เริ่มวิกฤติเนื่องจากน้ำในลำห้วย กัดเซาะพังลงมาจนอาคารเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ กับลำห้วยใกล้พังลงแล้ว

อาคารเรียนหลังหนึ่งภายในโรงเรียนบ้านบ่ง ต.ภูวง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ซึ่งใกล้กับริมตลิ่งลำห้วยบังอี่ตอนนี้อยู่ในจุดเสี่ยงแล้ว หลังฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ตลิ่งดินทรายถูกน้ำกัดเซาะเรื่อย ๆ ระยะทางยาวประมาณ 15 เมตร และกังวลว่าอาคารเรียนหลังนี้อาจพังลงไปด้วย เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนว่าฝนอาจจะตกยาวไปจนถึงวันที่ 9 ส.ค. นี้ ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ อบต.ภูวง ได้นำเชือกพลาสสติกมากั้นเป็นแนวป้องกันอันตรายห้ามเข้าใกล้แล้ว

เบื้องต้น นายศิริพร บุญทาระ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบุ่ง รายงานไปยังสำนักงานเขตพิ้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร เขต 1 เพื่อรับทราบและให้มาตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม น้ำในลำห้วยบังอี่ยังกัดเซาะแนวตลิ่งด้านหลังอาคารเรียนต่อไป เพราะมีฝายน้ำล้นมาปิดกั้นลำห้วยโดยไม่มีการเปิดประตูระบายน้ำ ทำให้น้ำในลำห้วยบังอี่กัดเซาะแนวตลิ่งอย่างตอ่เนื่อง โดยระยะห่างระหว่างลำห้วยกับอาคารเรียนห่างเพียงแค่ประมาณ 12 เมตรเท่านั้น

ล่าสุด ผู้ว่าราชการ จ.มุกดาหาร สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจและดำเนินการซ่อมแซมแล้ว โดยให้นำกระสอบทรายและไม้ค้ำยันตลิ่งเพื่อไม่ให้ทรุดตัวเพิ่มเติมพร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

น้ำโขงหนองคายเริ่มลด พื้นที่ลุ่มยังท่วม

ส่วนระดับน้ำโขงทึ่ จ.หนองคาย ตอนนี้เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องแล้วในวันนี้ (6 ส.ค.61) ซึ่งเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา วัดได้ 10.27 เมตร ลดลงจากวานนี้ 54 เซนติเมตร และอยู่ต่ำกว่าตลิ่ง 1.93 เมตร โดยเทศบาลเมืองหนองคายเปิดประตูระบายน้ำแล้ว เนื่องจากน้ำโขงลดต่ำกว่าปากท่อระบายน้ำในเขตเมือง แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหากยังต้องติดตามสถานการณ์อยู่ เกรงว่าจะมีฝนตกลงมาซ้ำ

ขณะที่ลำน้ำสาขาอย่างลำห้วยโมงและลำห้วยหลวง ยังต้องปิดประตูระบายน้ำแล้วระดมใช้เครื่องสูบน้ำสูบลงน้ำโขง โดยเฉพาะโครงการห้วยหลวง อ.โพนพิสัย น้ำโขงยังสูงกว่าลำห้วยหลวง จึงได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มจาก 7 เครื่องเป็น 14 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 22 ชั่วโมงต่อวัน วันละประมาณ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม พื้นที่ลุ่มต่ำในพื้นที่บ้านอยู่ดีมีสุข รอยต่อกับบ้านนาตาล ต.จุมพล อ.โพนพิสัย น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่สวนปาล์มของชาวบ้านสูงกว่า 1.5 เมตร

ผอ.เขื่อนวชิราลงกรณ เผยเตรียมระบายน้ำ 43 ลบ.ม./วัน นาน 2 เดือน แจงชาวริมตลิ่งรับมือแล้ว

ส่วนในวันนี้ (6 ส.ค.61) กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปรับเพิ่มการระบายน้ำเพื่มเพื่อพร่องน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่สมดุลย์ หลังจากปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์ ไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเขื่อนวชิราลงกรณ ปรับเพิ่มการระบายน้ำเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.61) จาก 36 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 39 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนวันนี้ปรับเพิ่มเป็น 43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ส่วนเขื่อนศรีนครินทร์ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.61) ซึ่งจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนแม่กลองเพิ่มสูงขึ้น จนทางเขื่อนแม่กลองมีการปรับเพิ่มระดับประตูระบายน้ำให้สามารถระบายน้ำมากถึง 60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ดังนั้น ชาวบ้านพื้นที่ท้ายน้ำเช่นที่ อ.ท่ามะกา เตรียมรับมือกับปริมาณน้ำในแม่น้ำแม่กลองที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานของพื้นที่ริมตลิ่งที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการเพิ่มระดับการระบายน้ำของทั้ง 2 เขื่อนในครั้งนี้แต่อย่างใด

นายไววิทย์ แสงพาณิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ กล่าวหลังจากประชุมคณะกรรมการจัดการน้ำ ว่า เดิมทีจะวางแผนปล่อยน้ำจำนวน 43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันตั้งแต่ 6-12 สิงหาคม เปลี่ยนเป็นระยะเวลา 2 เดือน หากไม่มีพายุผ่านเหนือเขื่อนคาดว่าจะรองรับน้ำช่วงฤดูฝนได้ อย่างไรก็ตาม เขื่อนวชิราลงกรณ หารือกับผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ท รวมถึงประชาชนที่อยู่ริมตลิ่งถึงเหตุจำเป็นที่ต้องระบายน้ำ ซึ่งทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยสถานการณ์น้ำล่าสุดของเขื่อนวชิราลงกรณ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 7,484 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 84 ของปริมาณน้ำที่สามารถเก็บสะสมได้ทั้งหมด และได้ตรวจสอบแล้วว่าตัวเขื่อนสภาพแข็งแรงรองรับปริมาณน้ำได้อีก

ผู้ว่าฯ จ.กาญจนบุรี เตือนประชาชนเก็บของขึ้นที่สูงรับมือฝนถล่ม-น้ำท่วม

ล่าสุด นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการ จ.กาญจนบุรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงประชาสัมพันธ์จ.กาญจนบุรี โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง 6 อำเภอ คือ อ.ศรีสวัสดิ์, ทองผาภูมิ, ไทรโยค, เมืองกาญจนบุรี, ท่าม่วง และ อ.ท่ามะกา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากเขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์ ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดอุทกภัยน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน โดยสั่งการให้หน่วยงานดำเนินการต่อไปนี้

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดอุทกภัยน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน จึงขอให้หน่วยงานดำเนินการดังนี้

1. แจ้งเตือนประชาชนติดตามข้อมูลสภาพอากาศจากทางราชการ และปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ และให้ให้เก็บสิ่งของไว้ในสถานที่ปลอดภัยหรือขึ้นที่สูง

2. แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง

3. ให้รายงานผลการปฏิบัติงานและสถานการณ์ในพื้นที่ ไปยังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี และทางอำเภออื่น ๆ ขอให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่รับทราบ